Category Archives: การศึกษา

กลยุทธิ์พิชิตข้อสอบ SAT

ชนิดการสอบ SAT แบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ SAT I(Reasoning Test) และ SAT II(Subject Test)

SAT I (Reasoning Test)

ข้อสอบ SAT 1 หรือ SAT เป็นข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถของนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โดยจะทดสอบการใช้เหตุผล (Reasoning Test) 2 วิชา คือ ภาษาศาสตร์ (Verbal) และคณิตศาสตร์ (MATH) เวลาที่ใช้ในการสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยจัดแบ่งข้อสอบดังนี้

Verbal : มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Reading , Grammar และ Analytical Reasoning โดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading (ในเรื่องนี้ ควรอ่านหนังสือศัพท์ เช่น Word Smart และฝึกทำ Reading โดยหาตัวอย่างข้อสอบหรือ prep guide เช่น Barron หรือ Princeton Review จะได้รับหนังสือรวมข้อสอบ SAT เล่มฟ้า ๆ ของ CollegeBoard ตอนอยู่ Brewster) จำนวนข้อสอบ 55 ข้อ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที

Math : มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins การเตรียมตัวส่วนนี้ ควรฝึกทำโจทย์เลข จากหนังสือสอบ SAT part math หรือ MathII ของ SATII เพื่อดูศัพท์ทางคณิตศาสตร์ทั่วไป จำนวนข้อสอบ 55 ข้อ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที

Writing :มี 3 ส่วนเช่นกัน คือ essay, grammar (error recognition) และ sentence completion โดยรูปแบบคำถามเป็นแบบปรนัยพร้อมกับการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ ควรอ่าน Grammar ฝึกทำ Error Recognition และฝึกเขียน 5 paragraphs essay

ในการทดสอบแต่ละส่วนจะมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ดังนั้นใน part Verbal, Math และ Writing จะมีคะแนนรวม 2400 คะแนน หากตอบถูกได้คะแนนข้อละ 14.5 คะแนนหากตอบผิดถูกหักคะแนน 3.6 คะแนน* แต่หลักสูตรมหาลัยอินเตอร์ในเมืองไทย เช่นจุฬา ธรรมศาสตร์ มักไม่นำคะแนนในส่วน Writing มาคำนวณ** ดังนั้นผู้สอบควรได้คะแนน ตั้งแต่ 1,100 คะแนน ขึ้นไป และในบางคณะของจุฬาหลักสูตรอินเตอร์สามารถใช้คะแนนจากการสอบ CU-AAT*** ยื่นแทนได้

ข้อแนะนำ* หากไม่มั่นใจในข้อใดอย่าพยายามตอบเพราะคะแนนจะถูกหักมาก** ควรพิจารณาว่าคณะที่ต้องการสอบเข้าหากไม่ใช้คะแนน Part Writing ไม่จำเป็นต้องทำข้อสอบส่วนนี้ แต่ใน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างประเทศอาจต้องใช้ ดังนั้นต้องดูข้อมูลและวางแผนให้ดี*** หากสามารถใช้คะแนนทั้ง SAT และ CU-AAT ยื่นได้ แนะนำสอบทั้ง 2 แบบเพื่อเลือกคะแนนที่ดีกว่าในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย (เฉพาะจุฬา) หากไม่ได้เจาะจงเข้าจุฬา อาจเลือกสอบ SAT อย่างเดียวเพราะข้อสอบ SAT เน้นเรื่องการทำเวลาในการสอบ

SAT-II (Subject Test)

SAT II หรือ Scholastic aptitude Test II เป็นการสอบวัดผลทางวิชาการแยกเป็นรายวิชา โดยได้เลือกวิชาที่ต้องการสอบ ปกติแล้วการสอบ SAT Subject Test จะสอบกัน2-3 วิชา และการสอบจะมี 3 ช่วง แต่ละช่วงคือหนึ่งวิชา สามารถเลือกทำวิชาใดก่อนก็ได้ เนื้อหาของ SAT II นั้นครอบคลุมความรู้พื้นฐานของแต่ละวิชาตามที่ได้เรียนช่วงมัธยมปลาย ส่วนมากวิชาสายวิทย์ เช่น MathII ( มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะบังคับตัวนี้) Physics หรือ Chemistry หรือ Biology  จะสามารถทำคะแนนได้ง่ายกว่าวิชาอื่น แต่ถ้าหากต้องการทดลองสอบวิชาอื่นๆ ก็สามารถลองสอบวิชาพวกภาษา หรือประวัติศาสตร์ เช่น Math level I, Math level II,  Molecular Biology, Ecological Biology, World History, Listening, etc.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงตัดสินใจจะเรียนต่อต่างประเทศหรือในประเทศดี

เห็นว่าช่วงนี้น้องๆ หลายคนมีโอกาสได้ปิดเทอมนาน อาจกำลังตัดสินใจว่าจะ เรียนต่อต่างประเทศดีไหม? ขอบอกก่อนเลยว่าอยากให้เตรียมพร้อมก่อนมาเรียนกันนะคะ ^^ ก่อนตัดสินใจมาเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งเรียนภาษาและเรียนต่อปริญญาโท/เอกในต่างประเทศ ถามตัวเองหรือยังว่า…….
พร้อมที่จะดำเนินชีวิตได้ด้วยตัวเองหรือไม่? เพราะการมาเรียนต่อต่างประเทศ คุณต้องเผชิญชีวิตด้วยตัวของคุณเองในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กเท่าไรฝุ่น ไปจนถึงเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเรือไททานิค คุณต้องดูแลชีวิตตัวคุณเอง ต้องจัดการเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน ค่าใช้จ่าย วัฒนธรรมที่แตกต่างจากประเทศไทย เวลาเรียนและทำงาน ทุกๆช่วงเวลาอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิด ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ คุณต้องพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองให้ได้ โดยพยายามพึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด!
รู้หรือยังว่าตัวเองชอบอะไร??? ถ้ายังไม่รู้ อย่ามา!!! เราต้องยอมรับความจริงว่า การศึกษาในประเทศไทยยังไม่เท่าเทียมประเทศที่พัฒนาแล้ว สิ่งที่ท่านเคยเรียนมา 4 ปีในระดับปริญญาตรี อาจจบภายในคาบแรกของการมาเรียนที่ต่างประเทศ (ฟังดูเหมือนพูดเกินจริง แต่แอดมินและเพื่อนแอดมินบางคน เจอกันมาแบบนี้จริงๆ) นั่นหมายความว่าพื้นฐานของเราไม่เท่ากับนักเรียนที่มาจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว กลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะใช้เวลาทวนแค่ไม่กี่วัน เราอาจจะต้องเตรียมตัวมากกว่าเค้าเป็นสิบเท่า
ดังนั้นถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบอยู่ บอกเลยว่าจะทำให้ชีวิตในต่างประเทศลำบากมาก และอยากกลับประเทศไทย เพราะความชอบจะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังทำ ถ้าเราไม่มีความสุข แถมต้องมาเจอกับภาษาอังกฤษ ภาระการอ่านหนังสือ พร้อมกับทำการบ้านที่สุดแสนจะหนักหน่วง และยังต้องอยู่โดดเดี่ยว นั่งคิดถึงบ้านอยู่คนเดียวแล้วหล่ะก้อ อย่ามา!!!