Author Archives: admin

วิธีการเลือกเนื้อผ้า เสื้อโปโล ให้ตรงกับการใช้งาน

ชนิดของผ้าที่นิยมใช้ทำ เสื้อโปโล นั้น ที่นิยมมีอยู่ 3 แบบ คือ ผ้าฝ้าย , ผ้าCotton ผสม Polyester ,  ผ้าPolyester100% หรือ ใยสังเคราะห์ ผ้าทั้ง3 ชนิดนั้นมีความแตกต่างกันอยู่มากขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกค้า เราจะไปดูกันคะว่าเนื้อผ้าแต่ละชนิดแตกนั้นต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

เสื้อโปโล ผ้า Cotton 100%

ทำมาจากฝ้ายมีความยืดหยุ่นมาก ระบายอากาศดี เนื้อผ้านุ่ม เส้นใยฝ้ายฟูบาง ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อ แต่มีปัญหาเรื่องผ้าจะหดตัวเมื่อผ่านการซักในครั้งแรก และจะย้วยเมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน  ผ้าชนิดนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ในที่กลางแจ้งและโดนแดดบ่อยๆเพราะผ้าจะระบายอากาศได้ดีไม่ค่อยอมเหงื่อ หรือต้องการความหรูหราใส่สบายแต่ราคาอาจจะสูงซักนิดนึง

เสื้อโปโล ผ้า Cotton ผสม Polyester เช่นผ้า CVC และ TC

ผ้า CVC จะมีส่วนผสมของ Cotton70% และ Poly 30%  จะมีความยืดหยุ่นมาก ระบายอากาศดี เนื้อผ้านุ่ม ใส่สบาย ดูดซับเหงื่อ ไม่มีปัญหาเรื่องผ้าหดตัว

ผ้า TC จะมีส่วนผสมของ Cotton 35% แล ะPoly 65% จะมีความยืดหยุ่นปานกลาง เนื้อผ้าค่อนข้างนุ่มใส่สบาย ไม่มีปัญหาเรื่องผ้าหดตัว  ผ้าชนิดนี้เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่ายแม้ทำงานอยู่ในห้องแอร์เพราะระบายอากาศได้ดีพอสมควร

ข้อดีที่โดดเด่นสำหรับ เสื้อโปโล Cotton ผสม Polyester เมื่อเทียบกับ เสื้อโปโล Cotton 100% คือ อยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย ส่วน Cottonจะคุม % ความหดและย้วยลำบาก

เสื้อโปโล ผ้า TK

จะมีส่วนผสมของ เส้นใยสังเคราะห์ Polyester 100% จะมีความยืดหยุ่นน้อย ระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีนัก เป็นมันเงา ไม่ค่อย ซับเหงื่อ รีดง่าย ยับยาก ไม่หด ไม่ยืด ราคาถูก ทนทาน และหาซื้อง่ายตามท้องตลาด ผ้าชนิดนี้เหมาะที่จะใช้ในห้องแอร์ ไม่ค่อยโดนแดด

แต่อย่างไรก็จะขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลด้วยว่าชอบ เสื้อโปโล แบบไหน และเมื่อได้ เสื้อโปโล ที่เราชอบแล้วการซักนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันควรจะซักด้วยมือ ไม่ควรตากด้วยไม้แขวน และเมื่อแห้งควรพับเก็บไม่ควรแขวนไว้เพียงเท่านี้เราก็จะได้เสื้อที่จะอยู่กับเราไปนานและตรงกับการใช้งานอีกด้วยล่ะค่ะ

 

 

 

วิธีเลือกขนาดตุ๊กตาตัวใหญ่

เพื่อนๆๆเป็นหรือเปล่า เวลาจะเลือกซื้อตุ๊กตา แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อขนาดไหนให้ถึงจะเหมาะกับผู้รับ

เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกขนาดให้นะค่ะ  บางคนอยากได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ บางคนอยากได้พอดีกอด

บางคนอยากให้แฟนไว้นอนกอดตุ๊กตาหมีแทนตัว  บางคนอยากให้ตุ๊กตาไว้สำหรับพกพาได้

ดังนั้นขอแยกให้เป็นข้อๆๆนะค่ะ

  1. สำหรับตุ๊กตาหมีตัวเล็กมินิ ไม่เกิน 50 ซม. เหมาะสำหรับการพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย เลือกง่ายๆๆๆ

ให้ไว้เพื่อพกพาไปได้ทุกที่ เป็นเหมือนกับตัวแทนตัวเราที่อยู่ทุกๆๆที่ที่ไป สำหรับคนไม่มีคู่ก็เหมือนมี

ตุ๊กตาน้อยๆๆไปเป็นเพื่อนข้างกายให้อุ่นใจในทุกๆๆที่ค่ะ

  1. สำหรับตุ๊กตาตัวใหญ่ ประมาณ ไม่เกิน 1 เมตร เหมาะสำหรับนอนกอด ยังพกพาไปได้ค่ะ ในรถไปต่างจังหวัดได้ค่ะ

เพราะตัวนี้จะไม่ใหญ่มาก จะตัวประมาณ ถึงน่องได้

  1. สำหรับตุ๊กตาตัวใหญ่ ขนาด 1.2 เมตร ตัวนี้กอดพอดีค่ะ เหมาะมากสำหรับแฟนจะให้เป็นของขวัญในโอกาส

พิเศษต่างๆๆ ไม่ว่าจะวันเกิด วันครบรอบ หรือวันแต่งงาน ตัวนี้กอดได้พอดีตัว จะประมาณ 120 ซม ครึ่งตัวคนค่ะ

  1. สำหรับตุ๊กตาตัวใหญ่ ขนาด 1.6 เมตร ตัวนี้จะสูงพอๆๆกับคน แต่ยังเตี้ยกว่าคนนะค่ะ ตัวนี้จับมานอนไว้บนเตียงได้เลย

กอดแทนตัวยามเราไม่อยู่ แม้ไม่ได้พกพาไปไหนด้วย แต่ยามหลับก็มีไว้ข้างกาย นอนกอดอุ่นๆๆละ ตัวนิ้มนิ่มด้วยนะ

5.สำหรับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่สูงเท่าคน 1.8 เมตร ตัวนี้จะสูงเท่าคนเลยค่ะ ตัวใหญ่ พกพาไม่ได้ แต่ไว้นอนกอดอุ่นๆๆ

ยามค่ำคืนกลางดึก เหมาะสำหรับแทนชายหนุ่มตัวใหญ่ กอดนอนได้ทุกคืน

  1. สำหรับตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ ใหญ่มากๆๆ สูงถึง 2 เมตร หัวใหญ่และตัวโตมากๆๆ เห็นแล้วอยากจับไปนอนกอดสะจริงๆๆ

เหมาะสำหรับเป็นตัวแทนและออกงานออแกไนส์ต่างๆๆค่ะ ตัวนี้ใหญ่ยักษ์มากคอนเฟริม หากลูกค้าชอบตัวยักษ์

ลองซื้อไซต์ 2 เมตรไปดูนะค่ะ รับรองถูกใจคุณลูกค้าแน่ๆๆค่ะ

 

 

 

5 วิธีแก้ปัญหาส้วมตัน ชักโครกตัน ท่อตัน ควรทำอย่างไรในเบื้องต้น

 

หนึ่งในปัญหาน่าปวดหัวที่มาพร้อมกับความเลอะเทอะ คงหนีไม่พ้นอาการชักโครกตัน ท่อตัน ที่ถ้าหากว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นต้องเอามือกุมขมับ เพราะนอกจากจะใช้งานชักโครกเจ้ากรรมนั่นต่อไม่ได้แล้ว ยังต้องเผชิญกับของเสียและสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่ไม่สามารถขจัดไปได้ สาเหตุหลักๆ ที่ส้วม  ชักโครกตัน ท่อตันนั้นก็มาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งการที่ทิ้งของต่างๆ จำพวกกระดาษทิชชู่ หรือผ้าอนามัยลงไปในโถ ซึ่งมันเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ยาก และเมื่อสะสมรวมตัวกันมากๆ ก็จะไปอุดตันท่อทำให้ชักโครก หรือ ท่อตันนั้นเกิดอาการกดไม่ลง วิธีแก้นั้นก็มีอยู่ดังนี้

  1. ใช้ลูกยางปั๊ม เป็นวิธีเบื้องต้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะว่าลูกยางนั้นหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด วิธีใช้ให้สวมหัวลูกยางลงในคอชักโครก จากนั้นออกแรงกดปั๊มเป็นจังหวะ แรงอัดของลูกยางจะช่วยดันสิ่งที่อุดตันอยู่ในท่อให้ไหลออกไป แต่วิธีนี้อาจจะต้องยอมเลอะหน่อยนะครับ
  2. โซดาไฟ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะโซดาไฟนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งจะช่วยทะลวงสิ่งที่อุดตันอยู่ภายในท่อให้หลุดออกไปได้ วิธีใช้ก็คือให้ผสมโซดาไฟกับน้ำอุ่น(ค่อยๆเทลงไป เพราะมันจะมีควันพุ่งออกมา ระวังอย่าให้เข้าตา) จากนั้นก็ราดโซดาไฟที่ผสมแล้วลงในชักโครก ไม่นานสิ่งที่อุดตันก็จะหลุดออกไป แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งานด้วยนะครับ และต้องสวมถุงมือยางทุกครั้งขณะใช้ ตัวโซดาไฟนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างครับ
  3. น้ำยาล้างท่ออุดตัน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แนะนำครับ เพราะน้ำยาประเภทนี้มักจะมีสารละลายไขมัน ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับสิ่งที่อุดตันอยู่ในท่อ ความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาที่ว่านี้ จะช่วยละลายสิ่งอุดตันให้หลุดออกไปจากท่อชักโครกได้ ข้อแนะนำคือควรระมัดระวังในการใช้งาน เพราะสารเคมีประเภทนี้มักมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ขณะที่ใช้งานควรสวมถุงมือยางด้วยเพื่อความปลอดภัย
  4. ใช้สายงูเหล็ก ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นโลหะยาวๆ พร้อมหัวจับวิธีใช้ก็คือให้สอดสายโลหะที่ว่านี้ลงไปในชักโครก เอาให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเข้าไปได้ จากนั้นให้หมุนด้ามจับไปมา แรงหมุนจะช่วยตีคว้านให้สายโลหะดันสิ่งที่อุดตันออกไปจากท่อ ซึ่งสายงูเหล็กนี้สามารถซื้อหาได้ทั่วไปตามร้านวัสดุก่อสร้างเช่นกันครับ
  5. บริษัทรับจัดการท่อตัน หากวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด ยังไม่ได้ผล แนะนำให้ติดต่อมืออาชีพเข้ามาจัดการดีกว่าครับ เพราะบริษทพวกนี้มักจะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมกว่าเราในการจัดการปัญหาส้วมตัน

จะเห็นได้ว่า แม้เป็นปัญหาพื้นๆ ที่พบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แต่การแก้ไขปัญหานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ดังนั้นคงจะดีกว่านี้หากไม่ต้องเกิดปัญหาขึ้นเลย ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยการไม่ทิ้งขยะที่ย่อยสลายยากลงในชักโครกครับ

เห็ดหลินจือแดงสามารถต้านโรคมะเร็งได้

-เห็ดหลินจือแดงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี สามารถขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้
– เห็ดหลินจือแดงช่วยทำให้ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์มะเร็งต่ำลง ซึ่งจะช่วยให้ให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปต่อสู้ทำลายเซลล์มะเร็งได้
– เห็ดหลินจือแดงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้สามารถออกฤทธิ์ต่อต้านกับเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ ทั้งยังไม่ทำลายเซลล์ปกติที่อยู่รอบเซลล์มะเร็งอีกด้วย
– เห็ดหลินจือแดงช่วยร่างกายเพิ่มระดับและความสามารถในการสังเคราะห์เม็ดเลือด ซึ่งรวมถึงปริมาณของเม็ดเลือดขาว ที่จะถูกสังเคราะห์มากขึ้นเช่นกัน                                                                 – เห็ดหลินจือแดงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวในการทำลายเซลล์มะเร็ง จากการวิจัยพบว่าเม็ดเลือดขาว ชนิด Macrophage เมื่อได้รับสารสกัด Polysaccharide จากเห็ดหลินจือ จะมีการสร้างสารเคมีที่ช่วยในการต้านมะเร็งเพิ่มขึ้น 5 – 29 เท่า                                                                                                                                                                                                                                        – เห็ดหลินจือดแงจะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของตับที่ถูกทำลายจากการรับประทานยาจำนวนมากติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น                                                                                          – ในการแพทย์แผนจีน โรคมะเร็งนั้นอาจะเรียกได้ว่าเป็นโรคที่เกิดจากพิษ การทานเห็ดหลินจือที่มีสรรพคุณในการขับพิษ จึงช่วยลดสารก่อมะเร็งได้                                                                                 – หากมีการใช้เห็ดหลินจือแดงความคู่กับการทำเคมีบำบัด จะช่วยผลข้างเคียงและความเจ็บปวดจากการทำเคมีบำบัดได้                                                                                                                                  – ในการใช้เห็ดหลินจือแดงความคู่กับการทำเคมีบำบัดนั้น หากมีการใช้วิตามินซีร่วมด้วย จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซับ สารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ในเห็ดหลินจือแดงได้มากขึ้น ซึ่งสารนี้จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันการลุกลามของเซลล์มะเร็ง และช่วยปรับปรุงการทำงานของตับอ่อน   และนอกเหนือจากสรรพคุณข้างต้นนี้ เห็ดหลินจือแดงยังมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะช่วยในเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิต ลดความดันโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ล้างพิษ ชะลอวัย บำรุงผิวหนังให้นุ่มและชุ่มชื้น รวมถึงการบำรุงระบบประสาท

 

 

หลากสี…หลายแบบเกี่ยวกับท่อประปา(ท่อพีอี)

หลากสี…หลายแบบ แบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้

  1. ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี ทำจากเหล็กกล้า ผ่านการอาบ สังกะสี สามารถทำเกลียวได้ง่าย ท่อเหล็กอาบสังกะสี ปลายท่อทำเกลียวมาให้พร้อม มีแบบหนาปานกลาง ที่ท่อจะคาดสีน้ำเงิน และอย่างหนาที่ท่อคาดสีแดง
  2. ท่อ PVC (PVC ย่อมาจาก Poly Vinyl Chloride) แบ่งแยกการใช้งานตามสีต่างๆ ดังนี้

2.1 ท่อสีเหลือง เป็นท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้า และสาย โทรศัพท์ เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้อย่างดี

2.2 ท่อสีฟ้า เป็นท่อที่ใช้กับระบบน้ำ เช่น น้ำดี น้ำเสีย และการระบาย สามารถทนแรงดันน้ำได้มากน้อยตาม ประเภท การใช้งาน (มีหลายเกรด)

2.3.ท่อสีเทา เป็นท่อที่ใช้สำหรับการเกษตร หรือน้ำทิ้ง ก็ได้ ราคาค่อนข้างถูก ไม่ค่อยแข็งแรง ควรจะเดินลอย ไม่ควร ฝังดิน

  1. ท่อไซเลอร์ ภายนอกเป็นท่อเหล็ก GSP ภายในเป็นท่อโพลีเอทิลีนหรือท่อพีอีมีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ท่อโพลีเอทิลีนหรือท่อพีอีทนต่อความดันได้มากกว่า 20 บาร์ และอุณหภูมิสูง ถึง 90 องศา ไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับ ใช้ติดตั้งใน โรงแรม อาคารขนาดใหญ่ สถานที่ ๆ ที่ต้องการความทนทานสูง หรือสถานที่ ที่ยากต่อการซ่อมแซม ท่อชนิดนี้มีราคาสูงเมื่อเทียบกับท่อชนิดอื่น
  2. ท่อพีพีอาร์ เกิดจากการ Random Copolymer Polypropylene ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง(Thermoplastic) ใช้วิธี เชื่อมต่อระหว่างท่อ กับข้อต่อด้วยวิธีการหลอมให้ความร้อน จึงทำให้ท่อและข้อต่อสามารถเชื่อมผสานกันเป็นเนื้อ เดียวกันมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาการรั่วซึม ที่บริเวณจุดต่อเชื่อมระหว่างท่อและข้อต่อ ใช้ได้ทั้งท่อน้ำร้อน และน้ำเย็น แข็งแรง ทนแรงดันได้สูงถึง 20 บาร์ อายุการใช้งาน ยาวนานกว่า50 ปี ไม่เป็นสนิม สะอาด สามารถใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งใน บ้านพักอาศัย คอนโด ตึกแถว อาคารขนาดเล็ก ขนาดใหญ่
  3. Poly Ethylene ท่อโพลีเอทิลีนหรือท่อพีอี (HDPE) เป็นท่อพลาสติกอีกหนึ่งชนิด ซึ่งมีทั้งที่นำไปใช้เป็นท่อน้ำ และท่อร้อยสายไฟ มีความยืดหยุ่นสูงแต่ไม่สามารถนำมาใช้งานระบบน้ำร้อนได้ เหมาะสำหรับงานระบบประปาที่ฝั่งอยู่ใต้ดิน เพราะหากมีการทรุดตัวของดินไปกดทับท่อจะไม่ทำให้ท่อแตก แต่ท่อชนิดนี้มีข้อจำกัด หากนำมาใช้กับงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของบรรยากาศภายนอกมาก ด้วยคุณสมบัติของเม็ดพลาสติกเองจะทำให้มีการยืดตัวสูง และเกิดท่อหยวยในที่สุด

 

 

 

 

สาระน่ารู้เกี่ยวกับทองคำ 18k gold

ถ้าพูดถึงทองคำ ทุกๆท่านคงรู้จักกันดีว่าเป็นโลหะที่มีค่าชนิดหนึ่ง และเป็นโลหะที่นิยมเอามาทำเป็นเครื่องประดับกันอย่างแพร่หลาย แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ทองคำที่นำมาทำเครื่องประดับ ได้ถูกแบ่งออกเป็นอีกหลายๆชนิด ขึ้นอยู่กับส่วนผสมต่างๆ ที่ถูกผสมเข้ากับเนื้อทอง เช่น ทอง 14K, 18k gold หรือ แม้แต่ทองคำขาว ที่บางท่านอาจจะยังเข้าใจสับสนกับแพลตินัม ว่าคือโลหะชนิดเดียวกัน เพราะฉะนั้น วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทองคำ ทองคำขาว และแพลตินัมกันครับ

ทองคำ

ทองคำ (Gold) เป็นธาตุชนิดหนึ่งในธรรมชาติ เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ ทนทานต่อกรดเกือบทุกชนิด และยังทนทานต่อการเป็นสนิมอีกด้วย ทองคำบริสุทธิ์ จะไม่หมอง และไม่เกิดเป็นสนิม แม้จะถูกเก็บไว้ในที่ชื้นๆเป็นเวลานาน นอกจากนั้น ทองคำบริสุทธิ์ ยังมีความอ่อน และเหนียว สามารถนำมาตีแผ่ให้บางมากๆได้โดนที่ยังไม่ขาดออกจากกัน ดังที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ทองคำเปลว และด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทองคำจึงถือว่าเป็นโลหะที่มีค่า นอกจากนั้น ทองคำยังถูกนำมาใช้เป็นทุนสำรองทางการเงินของเกือบทุกประเทศ และด้วยคุณค่าของมัน ทองคำจึงถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับกันอย่างแพร่หลาย

แต่ด้วยความอ่อนของเนื้อทอง ทองคำเปอร์เซ็นสูงๆจะสามารถนำมาทำได้แต่ทองรูปพรรณ ไม่สามารถนำมาฝังเพชรหรือพลอยได้ ดังนั้นจึงต้องมีการนำทองมาผสมกับโลหะชนิดอื่นๆก่อนที่จะนำมาทำเครื่อง ประดับฝังเพชร, พลอย

โดยหลักๆแล้ว จะนิยมนำมาผสมกันเป็นอัตราส่วนดังต่อไปนี้ (อัตราส่วนเทียบต่อน้ำหนัก)

ชื่อเรียก  มีทองคำผสมอยู่    นิยมนำมาทำเป็น

24K gold หรือ 99.99           99.99%  ทองคำแท่ง, ทองรูปพรรณ

ทอง 965 96.5%    ทองคำแท่ง, ทองรูปพรรณ

22K gold               91.7%    ทองรูปพรรณ, เครื่องประดับฝังเพชร พลอย

ทอง 90   85%        เครื่องประดับฝังเพชร พลอย

18k gold               75%        เครื่องประดับฝังเพชร พลอย

14K gold               58.3%    เครื่องประดับฝังเพชร พลอย

10K gold               41.7%    เครื่องประดับฝังเพชร พลอย

ทองแต่ละประเภท จะมีราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของแร่ทองคำที่ผสมอยู่ และ โลหะอื่นที่นำมาผสม

K หรือ Karat เป็นมาตราฐานสากลในการบอกถึงความบริสุทธิ์ของทองโดยที่ทอง 24K จะหมายถึงทองคำบริสุทธิ์ 99.999%

ทองที่มีความบริสุทธิ์ต่ำกว่า 10K จะไม่ค่อยนิยมใช้กัน เนื่องจากมีส่วนผสมของทองคำน้อยเกินไป จนทำให้สูญเสียคุณสมบัติของ ทอง90 หรือทองคำ 85% และทอง 18k gold     เป็นส่วนผสมที่คนไทยนิยมนำมาใช้มากที่สุดในการทำเครื่องประดับฝังเพชรในต่างประเทศนิยมใช้ทอง 18k และ ทอง14k ในการทำเครื่องประดับเป็นอย่างมาก

 

กลยุทธิ์พิชิตข้อสอบ SAT

ชนิดการสอบ SAT แบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ SAT I(Reasoning Test) และ SAT II(Subject Test)

SAT I (Reasoning Test)

ข้อสอบ SAT 1 หรือ SAT เป็นข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถของนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โดยจะทดสอบการใช้เหตุผล (Reasoning Test) 2 วิชา คือ ภาษาศาสตร์ (Verbal) และคณิตศาสตร์ (MATH) เวลาที่ใช้ในการสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยจัดแบ่งข้อสอบดังนี้

Verbal : มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Reading , Grammar และ Analytical Reasoning โดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading (ในเรื่องนี้ ควรอ่านหนังสือศัพท์ เช่น Word Smart และฝึกทำ Reading โดยหาตัวอย่างข้อสอบหรือ prep guide เช่น Barron หรือ Princeton Review จะได้รับหนังสือรวมข้อสอบ SAT เล่มฟ้า ๆ ของ CollegeBoard ตอนอยู่ Brewster) จำนวนข้อสอบ 55 ข้อ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที

Math : มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins การเตรียมตัวส่วนนี้ ควรฝึกทำโจทย์เลข จากหนังสือสอบ SAT part math หรือ MathII ของ SATII เพื่อดูศัพท์ทางคณิตศาสตร์ทั่วไป จำนวนข้อสอบ 55 ข้อ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที

Writing :มี 3 ส่วนเช่นกัน คือ essay, grammar (error recognition) และ sentence completion โดยรูปแบบคำถามเป็นแบบปรนัยพร้อมกับการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ ควรอ่าน Grammar ฝึกทำ Error Recognition และฝึกเขียน 5 paragraphs essay

ในการทดสอบแต่ละส่วนจะมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ดังนั้นใน part Verbal, Math และ Writing จะมีคะแนนรวม 2400 คะแนน หากตอบถูกได้คะแนนข้อละ 14.5 คะแนนหากตอบผิดถูกหักคะแนน 3.6 คะแนน* แต่หลักสูตรมหาลัยอินเตอร์ในเมืองไทย เช่นจุฬา ธรรมศาสตร์ มักไม่นำคะแนนในส่วน Writing มาคำนวณ** ดังนั้นผู้สอบควรได้คะแนน ตั้งแต่ 1,100 คะแนน ขึ้นไป และในบางคณะของจุฬาหลักสูตรอินเตอร์สามารถใช้คะแนนจากการสอบ CU-AAT*** ยื่นแทนได้

ข้อแนะนำ* หากไม่มั่นใจในข้อใดอย่าพยายามตอบเพราะคะแนนจะถูกหักมาก** ควรพิจารณาว่าคณะที่ต้องการสอบเข้าหากไม่ใช้คะแนน Part Writing ไม่จำเป็นต้องทำข้อสอบส่วนนี้ แต่ใน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างประเทศอาจต้องใช้ ดังนั้นต้องดูข้อมูลและวางแผนให้ดี*** หากสามารถใช้คะแนนทั้ง SAT และ CU-AAT ยื่นได้ แนะนำสอบทั้ง 2 แบบเพื่อเลือกคะแนนที่ดีกว่าในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย (เฉพาะจุฬา) หากไม่ได้เจาะจงเข้าจุฬา อาจเลือกสอบ SAT อย่างเดียวเพราะข้อสอบ SAT เน้นเรื่องการทำเวลาในการสอบ

SAT-II (Subject Test)

SAT II หรือ Scholastic aptitude Test II เป็นการสอบวัดผลทางวิชาการแยกเป็นรายวิชา โดยได้เลือกวิชาที่ต้องการสอบ ปกติแล้วการสอบ SAT Subject Test จะสอบกัน2-3 วิชา และการสอบจะมี 3 ช่วง แต่ละช่วงคือหนึ่งวิชา สามารถเลือกทำวิชาใดก่อนก็ได้ เนื้อหาของ SAT II นั้นครอบคลุมความรู้พื้นฐานของแต่ละวิชาตามที่ได้เรียนช่วงมัธยมปลาย ส่วนมากวิชาสายวิทย์ เช่น MathII ( มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะบังคับตัวนี้) Physics หรือ Chemistry หรือ Biology  จะสามารถทำคะแนนได้ง่ายกว่าวิชาอื่น แต่ถ้าหากต้องการทดลองสอบวิชาอื่นๆ ก็สามารถลองสอบวิชาพวกภาษา หรือประวัติศาสตร์ เช่น Math level I, Math level II,  Molecular Biology, Ecological Biology, World History, Listening, etc.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วิธีเลือกซื้อประตูรีโมท

เข้าหน้าฝนทีไร เราก็อดเป็นห่วงท่านผู้อ่านไม่ได้ทุกที…ว่าถ้าคุณคิดจะติด“ประตูรีโมท”ที่บ้านเพื่อเพิ่มความสะดวก ไม่ต้องตากฝนออกไปเปิดประตูหรือเวลากลับบ้านดึก(คือคิดว่าดึกกว่าเดิมเพราะฝนตกรถมันติดเยอะมากมาก)ไม่ต้องเสี่ยงออกจากรถมาเปิดประตูรั้วบ้าน สู้เปิดจากในรถดีกว่า ไอ้ที่ห่วงก็คือว่าตอนนี้ประตูรีโมทในท้องตลาดมีอย่างน้อยๆ ก็ 20 ยี่ห้อ ไม่เชื่อคุณไป “search” ใน “net” ดูก็ได้…ประเด็นก็คือแล้วคุณจะเลือกยี่ห้อไหน จากตัวแทนขายแบบไหนหล่ะ

เริ่มจากมาทำความเข้าใจกันก่อน…ให้มอง“ประตูรีโมท”เหมือน“รถยนต์”

ผมจะสมมุติเอาว่า คุณเป็นคนไม่ค่อยติดเทคโนโลยีนะครับ…นั่นแปลว่าคุณต้องไม่เข้าใจ หลักการทำงาน วัสดุ วิธีการดูแลรักษา ฯลฯ ของระบบประตูรีโมทมาก่อนในชีวิต ผมจึงอยากเสนอให้ลองเทียบเคียง ประตูรีโมท v.s. รถยนต์ ครับ เหตุผลก็คือ รถยนต์ที่คนนั่งกันอยู่นี้มีทั้งส่วนกลไก/เฟืองในการขับเคลื่อน มีทั้งส่วนไฟฟ้า อิเลคทรอนิคส์ แล้วมันก็ต้องตากแดด ตากฝน เหมือนๆ กันซะด้วย..แถมถ้าสตาร์ท ไม่ติด..ทั้งรถทั้งประตู คุณต้องเข็นครับ และที่สำคัญมันเป็นของแพง คุณซื้อทั้งทีคุณก็คงอยากให้มันอยู่กับเรา 5ปี 10 ปี แน่ๆ คุณเห็นด้วยไหมล่ะ? มาถึงตรงนี้คุณเองน่าจะเริ่มมีประเด็นที่คุณจะดูเวลาจะซื้อ“ประตูรีโมท” แล้วครับ

เรามาดูหลักการเลือกประตูมอเตอร์..ใช้ความรู้สึกแบบ “ซื้อรถ” ได้เลย..พร้อมนะ

1.) ยี่ห้อ-Brand=คุณดูแน่ ยิ่งของนอกยุโรปยิ่งน่าเชื่อถือ เอ๊ะ!!ของผลิตในไทยก็ไม่เลวแต่ของจีนคิดนานหน่อย ต่อให้เค้าบอกว่ามีศูนย์บริการในเมืองไทย คุณยังต้องคิดหนัก(เพราะอะไร…คุณคงคิดได้เอง) รถยุโรปแพง รถผลิตในเมืองไทยราคาพอรับได้ รถผลิตในจีนถูกหน่อยนี่เป็นสัจธรรมครับ!! ในวงการประตูรีโมทก็เช่นกัน ของยุโรปราคามักจะอยู่ประมาณที่25,000 บาทขึ้นไป ของไทยประมาณ 15,000-25,000บาท ส่วนของจีนจะประมาณ 10,000-15,000 บาท ถ้าคุณไปเจอของยุโรปแต่ราคา 15,000 บาท ขอให้ระวังไว้ให้ดีว่าอาจจะโดนหลอก ถ้าไม่มั่นใจขอเค้าดูคู่มือว่ามันเป็นภาษาอะไร? และดูน่าเชื่อถือแค่ไหน? คุณก็รู้ฝรั่งทำคู่มือที…มันดูน่าเชื่อถือจริงๆ

2) ศูนย์บริการ = มีไหม ใหญ่ไหม ช่างเก่งไหม บริการดีไหม เงื่อนไขรับประกันเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ก่อนซื้อรถคุณมันจะแวะดูศูนย์กัน ยกเว้นยี่ห้อติดตลาดเช่น โตโยต้า ฮอนด้า นั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องไปดู แต่ทีนี้วงการประตูรีโมทมันไม่มีแบรนด์ดังแบบนั้น ดังนั้นแนะนำให้คุณไปดูที่บริษัทจำหน่ายคะ ถ้าคุณซื้อจากร้านประตูข้างๆ บ้านนั้นขอให้คิดนิดนึงว่าช่างประตูเก่งงานโลหะซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับ“ประตูรีโมท” นะครับ แนะนำให้ซื้อตรงจากบริษัทที่ทำธุรกิจประตูรีโมทโดยตรง เพราะช่างก็มีความชำนาญแถมอะไหล่อะไรก็ไม่ค่อยมีปัญหา ก็คล้ายๆ ซ่อมที่ศูนย์ กับอู่รถเล็กๆ ข้างๆ

 

 

 

 

 

การปั่นจักรยานพับได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร ?

– ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส : ถ้าอยากให้สมองโปร่งคิดอะไรออกง่ายๆ ทางอกง่ายๆคือการปั่นจักรยานพับได้คณะวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์พบว่าการได้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคโดนเฉพาะปั่นจักรยานจะช่วยให้คนทำแบบทดสอบเกี่ยวกับสมองและความจำทำคะแนนดีขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อการปั่นจักรยานกระตุ้นให้หัวใจสูบฉีดเลือดมันจึงสูบเลือดไปเลี้ยงสมองด้วยโดยปริยาย มีเลือดไปเลี้ยงมากขึ้นก็ทำงานได้ดีขึ้นอยู่แล้วเป็นปกติและจะดียิ่งขึ้นเมื่อคุณอายุเลย 30 ไปซึ่งเซลสมองเสื่อมลงตามวัย การปั่นจักรยานสม่ำเสมอจะช่วยให้สมองเสื่อมช้าลง

– ร่างกายแข็งแรงขึ้น : เมื่อก่อนมีคำพูดว่าให้กินแอปเปิ้ลวันละลูกแล้วจะไม่ต้องไปหาหมอ ตอนนี้ต้องคิดใหม่แล้วว่าถ้าการกินแต่แอปเปิ้ลโดยไม่ออกกำลังคงไม่มีทางแข็งแรง ต้องออกกำลังบ่อยๆแล้วจะทำให้เซลภูมิป้องกันแข็งแรงเอง ลดอาการติดเชื้อ ตามคำยืนยันของแคธ คอลลินส์หัวหน้านักโภชนาการแห่งโรงพยาบาลเซนต์จอร์จ ลอนดอน มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนายังเสนอผลงานวิจัยสนันสนุนอีกด้วยว่าเอาแค่ขี่จักรยานพับได้ให้ได้วันละ 30 นาทีอาทิตย์ละห้าวันคุณก็จะแข็งแรงจนแทบสะกดคำว่า “หมอ” ไม่ถูกแล้ว จะจริงหรือไม่ก็ลองปั่นจักรยานดูเถอะ

– อายุยืน : คิงส์ คอลเลจแห่งลอนดอนได้เปรียบเทียบแฝดแท้จำนวน 2,400 คู่ที่ออกกำลังและไม่ได้ออกกำลัง พบว่าฝ่ายที่ปั่นจักรยานพับได้ครั้งละ 45 นาทีอาทิตย์ละสามวันติดต่อกันมาเก้าปี จะคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้มากกว่าแฝดคนที่ไม่ได้ปั่น คนปั่นบ่อยจะลดอัตราการเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดลงได้มาก เช่น โรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เบาหวาน มะเร็งทุกประเภท รวมทั้งความดันเลือดสูงและโรคอ้วน ร่างกายคุณจะปกป้องตัวเองจากอันตรายภายนอกทั้งจากสภาพแวดล้อมและเชื้อโรค นี่จึงเป็นเหตุให้นักจักรยานมีอายุยืน

– ช่วยลดมลภาวะ ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้น : ความจริงเรื่องเนื้อที่ คือจักรยานพับได้ยี่สิบคันสามารถจอดได้ในที่ว่างที่จอดรถยนต์เพียงคันเดียวได้ ใช้พลังงานและวัตถุดิบเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ของที่ใช้สร้างรถยนต์หนึ่งคันเพื่อสร้างจักรยานคันเดียวและที่สำคัญจักรยานไม่ก่อมลพิษเลยแม้แต่น้อย จักรยานเป็นพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูง เราเดินทางด้วยจักรยานเร็วกว่าเท้าถึงสามเท่าด้วยพลังงานเท่ากันเทียบกับการเติมน้ำมันรถยนต์แล้วคือจักรยานใช้พลังงานเมื่อขี่ไกล 2,24 แกลลอนต่อไมล์ ที่เราไม่ค่อยได้คิดกันคือ เรื่องสัดส่วนน้ำหนัก โดยเฉลี่ยนคนขี่จะหนักกว่าจักรยานหกเท่าในขณะที่รถยนต์หนักกว่าตัวเราถึงยี่สิบเท่า

– จักรยานพับได้คือเครื่องแสดงสถานะ : เปล่า มันไม่ได้แสดงว่าคุณรวยเลยถ้าได้ขี่จักรยานแพวๆ แต่ที่เห็นได้ชัดๆคือมันแสดงให้รู้ว่าคุณคือคนใส่ใจสุขภาพ เป็นชนชั้นที่เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานจริงๆ ทำให้ใครๆเห็นบ่อยๆแล้วเขาจะเข้าใจจริงๆว่าคุณไม่ได้ทำเอาหน้าการขี่จักรยานบ่อยๆอาจทำให้เกิดการเลียนแบบได้และในที่สุด “ชนชั้นจักรยาน” จะเกิดขึ้นและแพร่ออกไปเป็นกลุ่มใหญ่

– ช่วยให้เรื่องบนเตียงดีขึ้น : การเป็นคนแอ๊คทีฟ ออกกำลังกายบ่อยๆโดยเฉพาะขี่จักรยานจะทำให้ระบบหลอดเลือดทำงานดีขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเพศดีขึ้นด้วยทั้งระยะเวลาและอายุการใช้งาน รายงานการวิจัยชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐฯ ระบุว่านักกีฬาชายที่เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอจะมีความสามารถทางเพศเทียบเท่ากับเพศเดียวกันที่อ่อนกว่าสองถึงห้าปี ยืดระยะเวลาการถึงวัยทองต่อไปได้อีกมากมาย

 

 

 

เคล็ดลับสำหรับการทำหน้าเรียว

คุณมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้สัดส่วนไหม หน้าเหลี่ยม หน้าใหญ่ หน้าบาน หน้ากลม หน้าไม่เท่ากัน โอย…..สารพัดปัญหาเกี่ยวกับหน้า คงไม่พ้นมีดหมอ ต้องพึ่งการศัลยกรรมเป็นอย่างแน่แท้….. แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบไปศัลยกรรมลองดูวิธีดีๆที่  หน้าเรียวสวยใสปิ้ง ฟรุงฟริ้งๆ หรือเปล่า วันนี้เราจะมาทำเสนอด้วยวิธีการทำหน้าเรียวแบบง่ายๆสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย

สาเหตุที่ทำให้กรามใหญ่ หน้าใหญ่ หน้าบาน

  1. พันธุกรรม พันธุกรรมเป็นปัจจัยหลักของการมีกรามใหญ่ หรือว่าใบหน้าเรียวเล็กเป็นรูปไข่ เพราะเป็นเรื่องปกติที่ลูกเกิดมาจะมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับพ่อแม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย สักส่วนใดส่วนหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เราจะมีกรามใหญ่ตามบรรพบุรุษ เรื่องนี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ไม่ยาก
  2. กระดูกกรามใหญ่ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องพันธุกรรม แต่มาพูดในแง่ของหลักสรีระกัน การที่เรามีกรามใหญ่นั้น ก็เนื่องมาจากกระดูกในร่างกายของเราที่มีเจริญเติบโตแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งบางรายก็ดูใหญ่เป็นพิเศษ วิธีที่จะทำให้มันน้องลงหรือดูเรียวลงนั้น ก็จะต้องทำโดยการผ่าตัดเหลากรามจากด้านใน หรือวิธีการทำศัลยกรรมนั่นเอง
  3. มีกล้ามเนื้อที่กรามมาก คนที่พูดว่าตัวเองกรามใหญ่ ต้องลองสังเกตดูดีๆ ว่ามันใหญ่เพราะกระดูก หรือว่ากล้ามเนื้อ ถ้าเป็นในส่วนของกล้ามเนื้อ ก็แปลว่าเราสามารถใช้วิธีบริหารเพื่อลดกล้ามเนื้อที่กรามให้ดูเล็กลงได้ หรืออาจใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์เข้าไปเพื่อลดขนาดของมันก็ได้ แต่โดยปกติแล้ว คนที่บอกว่าตัวเองกรามใหญ่ ก็อาจเป็นเพราะมีทั้งกล้ามเนื้อ และกระดูกกรามที่ใหญ่นูนออกมา ในกรณีของโบท็อกซ์ ก็จะช่วยเฉพาะส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อเท่านั้น ในส่วนของกระดูก ที่ยังเห็นเป็นโครงเหลี่ยมๆอยู่ ก็ต้องใช้วิธีผ่าตัดออกเท่านั้น

ลดกรามด้วยวิธีการโยคะหน้าแบบธรรมชาติ

นวดหน้าเรียว

เริ่มจากการบริหารกล้ามเนื้อหน้าผาก ด้วยการใช้นิ้วนางและกลาง โดยทำจากกึ่งกลางหน้าผากแล้วนวดวนขึ้นเป็นแนวขดลวด ขึ้นหนักลงเบา โดยนวดจนถึงบริเวณขมับ 6 จังหวะ ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายให้กดจุดที่ขมับเพื่อช่วยผ่อนคลาย

สำหรับบริเวณรอบดวงตาและยกกระชับริมฝีปาก ให้ใช้นิ้วนางและกลางนวดเบาๆตรงใต้ตา โดยเริ่มจากแนวโครงกระดูกเบ้าตาล่าง แล้ววนไปวนมาเบาๆ นับเป็นหนึ่งครั้ง และทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง

มาถึงไฮไลต์ของเราคือวิธีลดกราม ธรรมชาติ หรือเรียกว่ายกกระชับผิวกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม ให้ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณมุมปากในลักษณะยกผิวขึ้นเป็นมุมกว้าง แล้วค้างไว้ประมาณ 4-5 วินาที แล้วค่อยลูบลง ทำแบบนี้ 3 ครั้ง

และควรยกกระชับผิวบริเวณมุมปากควบคู่กันไป ด้วยการใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณกึ่งกลางคางขึ้นไปที่ตรงบริเวณมุมปากในลักษณะยกขึ้น ทำแบบนี้ 3 ครั้ง

 

 

 

 

เสาเข็มเจาะรากฐานสำคัญของบ้าน เรื่องน่ารู้ที่หลายคนมองข้าม

1.เสาเข็มเจาะระบบแห้ง

เป็นเสาเข็มที่เข้ามาแก้ปัญหาเสาเข็มแบบตอกซึ่งไม่สะดวกสำหรับการขนย้าย ให้สามารถทำงานในสถานที่แคบ ๆ เสาเข็มเจาะระบบแห้งเป็นการทำเสาเข็มแบบหล่อในที่ มีรูปร่างหน้าตาเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40-60 เซนติเมตร สามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ราว ๆ 25-60 ตันต่อต้น ความยาวประมาณ 20–30 เมตร

วิธีการทำเสาเข็มเจาะแบบแห้ง

สามารถเจาะโดยใช้ขาตั้ง 3 ขา แล้วใช้ลูกตุ้มเหล็กหรือกระบะตักดินกระแทกลงไปในดินลึกประมาณ 1 เมตร หลังจากนั้นนำปลอกเหล็กตอกลงไปในหลุมเจาะ โดยปกติจะลงไปลึกประมาณ 12-14 เมตร ซึ่งระดับความลึกระดับนี้จะเป็นชั้นดินเหนียวอ่อน หลังจากนั้นทำการเจาะดินโดยทิ้งกระบะตักดินลงไปในปลอกเหล็ก แล้วตักขึ้นมาทิ้งบริเวณปากหลุม การเจาะดินจะทำการเจาะไปถึงชั้นทรายแล้วจึงหยุดเจาะ เนื่องจากชั้นทรายจะมีน้ำไหลซึมออกมาตลอดซึ่งจะทำให้ก้นหลุมพัง หลังจากนั้นใส่เหล็กเสริมลงไปในปลอกเหล็ก แล้วเทคอนกรีตลงไปในปลอกเหล็ก หลังจากเทเสร็จให้รีบดึงปลอกเหล็กขึ้นทันที

เสาเข็มเจาะระบบแห้ง

มีข้อดีคือเข้าทำงานในที่แคบ ๆ ได้ แต่ข้อเสียคือรับน้ำหนักได้ค่อนข้างน้อย

เสาเข็ม รากฐานสำคัญของบ้าน เรื่องน่ารู้ที่หลายคนมองข้าม

  1. เสาเข็มเจาะระบบเปียก

เป็นเสาเข็มแบบคอนกรีตเสริมเหล็กหล่อในที่ รูปหน้าตัดทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.75-1.50 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 150-900 ตัน/ต้น เสาเข็มระบบนี้จะเหมาะกับงานก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ เช่น อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น เสาเข็มระบบนี้เมื่อเจาะลงลึกกว่า 20 เมตร จะต้องใช้ละลาย Bentonite ใส่ลงไปในหลุมเจาะ เพื่อผลักน้ำออกไปจากชั้นทรายเพื่อให้สามารถเทคอนกรีตลงไปได้

 

หลอดLED มีกี่ชนิดอย่างไรบ้าง

หลอดLED ปัจจุบันพบว่าถูกนำมาใช้แทนหลอดไฟแบบดั้งเดิมกันอย่างแพร่หลาย และประเภทที่นิยมนำมาติดตั้งใน บ้าน อาคาร โรงแรม และ โรงงานอุตสาหกรรม หลักๆ แล้วจะมีอยู่ 2 ชนิด ดังนี้

หลอดLED BULB: หลอดแอลอีดี BLUB (กระเปาะ) ได้ถูกนำมาใช้แทนหลอดไส้ (Incandescent) หรือหลอดตะเกียบ (ฟลูออเรสเซนต์) เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากหลอดแอลอีดีทรง BLUB ปัจจุบันราคาถูกลงมาก และมีให้เลือกได้หลากหลายขนาดวัตต์ รูปทรงหลอดสวยงาม และที่สำคัญยังช่วยลดความร้อนที่มาจากตัวหลอดได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าประหยัดทั้งค่าไฟ และอุณหภูมิภายในบ้านก็ลดลงด้วย

หลอดLED TUBE: สำหรับหลอดแอลอีดี TUBE (ทรงยาว) ได้ถูกนำมาใช้แทนหลอดนีออน หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ T5 และ T8 ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ องค์กร ห้างสรรพสินค้า หรือ โรงงานอุตสาหกรรม ต่างๆ  ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายลง จากการที่ของเดิมใช้เป็นหลอดนีออน 18w หรือ 36w โดยใช้เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเปลี่ยนมาใช้ หลอดไฟ LED TUBE ทั้งหมดจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้อย่างมากเลยทีเดียว เป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ากประเภทของหลอดแอลดีข้างต้น ปัจจุบันหลอดLED ยังพัฒนาไปเป็นรูปทรงต่างๆ ตามหลอดไฟแบบเดิม และได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถทดแทนหลอดไฟฟ้าดั่งเดิมได้ทั้งหมด อาทิเช่น หลอดทรงปิงปอง หลอดทรงจำปา หลอดทรงพาร์ หลอดทรงตะเกียบ เป็นต้น

ขั้วหลอดไฟมีกี่แบบ

ขั้วหลอดไฟ มีอะไรบ้างลองมาดูกันครับ โดยหลักๆ แล้วขั้วหลอดไฟจะมีที่ใช้กันโดยทั่วไปไม่กี่ประเภทเท่านั้น แต่ยังมีขั้วหลอดไฟ ที่ใช้สำหรับหลอดพิเศษต่างๆ เช่น หลอดในเครื่องจักรกล หลอดเครื่องมือแพทย์ หลอดสำหรับฆ่าเชื้อ เป็นต้น แต่ในที่นี้เราจะมาแนะนำในส่วนของ ขั้วหลอดไฟ ที่เราใช้กันทั่วไป และพบเห็นได้บ่อยๆ กันครับ

ขั้วแบบเกลียว

ขั้ว E14 : หรือที่เรียกกันว่า “ขั้วเล็ก” แต่ยังมีอีกขนาดคือ ขั้ว E12 ซึ่งพบไม่มากนัก โดยมากเป็นหลอดเฉพาะรุ่นเท่านั้น สำหรับขั้วหลอดไฟ E14 นั้นนิยมใช้กับหลอดรูปทรงจำปา หรือ ทรงกระบอกเล็ก โดยแต่เดิมหลอดทรงจำปานั้นจะเป็นแบบหลอดไส้ เวลาเปิดใช้งานไปสักพัก ตัวหลอดจะมีความร้อนสูงมาก ประมาณว่าหากเผลอไปจับเข้า อาจจะมือพองได้เลยครับ ข่าวดีก็คือ ปัจจุบันหลอดแอลอีดีได้พัฒนาจนมีหลอดสำหรับ ขั้ว E14 ได้แล้ว โดยมีรูปทรงเหมือนกับหลอดไส้เดิม เช่น ทรงจำปา หรือ ทรงเปลวเทียน ซึ่งเมื่อเปิดไฟแล้วหลอดจะไม่ร้อน ช่วยลดความร้อนลงไปได้เยอะเลยทีเดียว

ขั้ว E27 : เป็นขั้วหลอดไฟ ที่พบเห็นกันได้มากที่สุด เพราะนิยมใช้กับหลอดไฟแบบต่างๆ ได้หลากหลาย เริ่มแรกเดิมที ขั้ว E27 จะนำมาใช้กับหลอดไส้ทรงน้ำเต้า หรือ ทรงอินแคน ซึ่งย่อมาจาก Incandescent และ ทรงปิงปอง ต่อมาได้พัฒนามาใช้ในหลอดประหยัดไฟแบบแท่ง หรือ เรียกอีกอย่างนึงว่า หลอดตะเกียบ และในปัจจุบันนี้หลอดแอลอีดี ก็ได้ผลิตออกมาตอบสนองผู้ใช้อย่างครบถ้วน โดยทรงที่นิยม คือ ทรงน้ำเต้า หรือ LED BULB นั้นเอง

ขั้ว E40 : ขั้วหลอดไฟ E40 เป็นขั้วหลอดเกลียวเหมือนกันกับ ขั้ว E27 แต่มีขนาดใหญ่กว่า สำหรับขั้วหลอดไฟ E40 นั้น นิยมใช้กับหลอดที่มีกำลังวัตต์สูงๆ เพื่อรองรับขนาดของหลอดที่ใหญ่ขึ้น โดยทั่วไปจะใช้กับหลอด “High Watt” ที่มีกำลังวัตต์มากกว่า 40w ขึ้นไป ซึ่งเราจะพบเห็นได้มากใน โคมฟลัดไลท์ หรือ โคมสปอร์ตไลท์ หลอดเมทัลฮาไลด์ และ หลอดไฮเพรสเชอร์โซเดียม ทรงกระบอก ส่วนหลอดทรงโบว์ลิ่งจะใช้สำหรับโคมฝาชี หรือ เรียกกันว่า โคมไฮเบย์ หรือ โคมโลว์เบย์ ทั้งนี้หลอดดังกล่าวจะต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ อิกไนเตอร์ ในการทำให้หลอดติด ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก อีกทั้งหลอดยังมีความร้อนสูงมาก จนอู่ซ่อมสีรถนำมาใช้ในการอบสีให้แห้งเร็วขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยี LED ได้พัฒนามาเป็นโคมไฟสปอร์ตไลท์ LED (โคมฟลัดไลท์) ซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ากับโคมวัตต์สูงแบบเดิม ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงใดๆ เลย

ขั้วแบบเขี้ยว

ขั้ว G13 : ก็คือขั้วหลอดไฟนีออนนั้นเอง โดยจะนำมาใช้กับหลอดนีออน T8 (ฟลูออเรสเซนต์) ขนาดวัตต์ 18w (หลอดสั้น) และ 36w (หลอดยาว) ซึ่งหลอดนีออนเดิมนั้นต้องใช้ควบคู่กับ บัลลาสต์ และ สตาร์ทเตอร์ เพื่อทำให้หลอดติด หรือ ใช้กับ บัลลาสต์อิเล็คทรอนิกส์อย่างเดียวก็ได้เหมือนกัน และปัจจุบันหลอดแอลอีดีได้มีการผลิตขึ้นเพื่อใช้แทนหลอดนีออนเดิมแล้ว โดยมีชื่อเรียกว่าหลอด LED TUBE ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟลงได้มากเลยทีเดียว ติดตั้งก็ง่าย ไม่ต้องใช้  ให้ความสว่างมากกว่า และความร้อนต่ำกว่าอีกด้วย

ขั้ว GU10 : หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า ขั้วขาสตาร์ทเตอร์ ลักษณะจะเหมือนกับขั้วสตาร์ทเตอร์ คือ มีขาบิดล็อคได้ ซึ่งขั้ว GU10 เรามักจะพบเห็นในหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย MR16 ซึ่งหลอดดังกล่าวนิยมนำมาใช้กับโคมไฟติดราง ซึ่งต้องติดตั้งในลักษณะส่องลง ทำให้มีโอกาสที่หลอดจะหลุดออกจากตัวโคมได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องใช้ขั้ว GU10 กับหลอดไฟบางประเภทนั้นเองครับ ปัจจุบันหลอดแอลอีดีก็ได้มีการผลิตมาในขั้วหลอด GU10 นี้ด้วยเหมือนกัน เพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ยังมีโคมไฟขั้ว GU10 อยู่ด้วย

ขั้ว GU5.3 : สำหรับขั้ว GU5.3 นั้น นิยมนำมาใช้กับหลอดฮาโลเจนแบบถ้วย และ ฮาโลเจนแบบแคปซูล ซึ่งลักษณะขั้วจะเป็นเหล็กแหลมสั้นๆ 2 แท่งที่ตัวขั้วหลอด โดยตัวเลข 5.3 คือ ระยะห่างของแท่งเหล็กทั้ง 2 แท่ง นั้งเองครับ (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) และยังมีขั้ว GU4 ซึ่งระยะห่างระหว่างแท่งเหล็กจะแคบกว่าขั้ว GU5.3 เล็กน้อยครับ

จากข้างต้นจะเป็นขั้วหลอดไฟ ที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ และมีใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากนี้จะเป็นขั้วสำหรับหลอดประเภทต่างๆ ซึ่งเราไม่ค่อยได้ใช้กันสักเท่าไรครับ ดังนั้นจึงขอนำเสนอชนิดของ ขั้วหลอดไฟ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ

 

 

 

 

จะเที่ยวให้อุ่นใจ ซื้อประกันการเดินทางไว้ดีกว่า !

ทำไมต้องซื้อ ประกัน การเดินทางด้วยล่ะ ในเมื่อเรายังมีประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุอยู่แล้ว ถ้าคุณคิดแบบนี้ มารู้จักประกันการเดินทางก่อนตัดสินใจซื้อกันก่อนเลย

ประกัน การเดินทางคืออะไร?

หลายๆ คนที่อาจจะยังใหม่กับการเดินทางไปต่างประเทศที่ต้องเตรียมตัวหลายสิ่งอย่าง แค่หาตั๋วเครื่องบินที่ลงตัวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ยังมีเรื่องวีซ่าอีก แล้วที่สำคัญของวีซ่าในบางประเทศก็คือ ต้องทำประกันการเดินทางด้วย…แล้วประกันการเดินทางนี่มันคืออะไร?
ตำตอบก็คือ หลัก ประกัน ที่เราต้องมีไว้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง รวมถึงประเทศที่เรากำลังจะไป ในส่วนของตัวเรานั้นจะได้หายห่วงหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือเสียชีวิตจะได้มีงบประมาณในการจัดการสิ่งเหล่านั้น ส่วนประเทศที่เรากำลังจะไปก็จะหายห่วงว่า นักท่องเที่ยวคนนี้จะไม่เดินทางเข้าไปในประเทศของเขาและต้องกลายเป็นภาระให้รัฐบาลของเขาต้องดูแลในระยะเวลาที่เราอยู่ และนี่ก็คือ แนวคิดคร่าวๆ ของประกันการเดินทาง

ประกันการเดินทางควรครอบคลุมอะไรบ้างล่ะ?

หลายคนอาจจะยังคงไม่เข้าใจหรืองงๆ ว่า แล้วสุดท้ายเราควรดูที่อะไร? ดูแค่ยอดเงินประกันครอบคลุมเพียงพอที่จะทำวีซ่าผ่านแค่นั้นได้หรือไม่? ซึ่งคำตอบคือ ไม่ควร อันที่จริงเราควรดูตัวรายละเอียดด้วยว่า ประกันการเดินทางที่เรากำลังจะซื้อนั้นได้ครอบคลุมอะไรบ้าง จึงจะทำให้เราเที่ยวเมืองนอกได้อย่างปลอดภัยหายห่วง ดังต่อไปนี้

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลในกรณีเสียชีวิต (Accidental Death Benefit)

ประกันค่ารักษาพยาบาล (Medical Expense)

ประกันบริการความช่วยเหลือทางการแพทย์กรณีฉุกเฉิน และช่วยเหลือการเดินทาง (Medical Emergency Assistance and Service)

ประกันค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนกรณีย้ายฉุกเฉิน / การเคลื่อนย้ายศพกลับประเทศ (Evacuation, Repatriation)

มีความประสงค์ลดจำนวนวันในการเดินทาง ( Trip Curtailment)

มีความประสงค์ยกเลิกการเดินทาง (Trip Cancelation)

ประกันความเสียหาย หรือสูญเสียของสัมภาระระหว่างการเดินทาง (Loss or Damage of Personal Baggage)

ประกันความสูญหายของหนังสือเดินทาง (Loss of Passport)

ประกันความล่าช้าของการเดินทาง (Cover of Delay)

ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Personal Legal Liability) ในกรณีที่หากเกิดอุบัติเหตุที่ก่อโดยคุณ และสร้างผลกระทบต่อบุคคลที่สาม

 

 

 

 

7 เคล็ดลับการเลือกของที่ระลึกในงานแต่ง สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

 

พาไปดูเคล็ดลับวิธีการเลือกของที่ระลึกในงานแต่ง เพราะของที่ระลึกเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนความปรารถนาดีที่ผู้ให้มีต่อบ่าวสาว เราจึงต้องใส่ใจและพิถีพิถัน เพื่อสร้างความประทับใจทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ
วันแต่งงานของเพื่อนสนิทหรือคนรู้จักใกล้เข้ามาทุกที แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเป็นของที่ระลึก ? เพราะการจะเลือกซื้อให้ตรงกับความต้องการหรือความชื่นชอบอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะของขวัญสำหรับงานหมั้น งานปาร์ตี้สละโสด หรืองานเลี้ยงกลางคืน เราได้รวบรวมหลักการเลือกของที่ระลึกงานแต่งเพื่อให้คุณได้เตรียมตัวล่วงหน้าก่อนงาน

  1. ศึกษารูปแบบการจัดงาน
    เป็นเรื่องดีถ้าคุณศึกษารูปแบบงานแต่งนั้น ๆ อย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถเตรียมของขวัญได้อย่างรอบคอบ เป็นต้นว่าหากงานแต่งนั้นมีลักษณะทางการ คุณอาจจำเป็นต้องนำของที่ระลึกติดไม้ติดมือไปด้วยเพื่อเป็นมารยาท หรือถ้าเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของหมู่เพื่อนฝูงในบาร์หรือร้านอาหารเล็ก ๆ ก็อาจยังไม่จำเป็นต้องให้ของที่ระลึกในวันนั้นก็ได้
  2. หาของที่ระลึกในแบบของตัวเอง
    เมื่อคุณมาถึงโต๊ะลงทะเบียนรับแขกหน้างาน คุณอาจจะต้องตกใจกับกองของที่ระลึกที่อยู่ตรงหน้าบางชิ้นที่อาจซื้อมาเหมือนกับของคุณ ถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงกับสถานการณ์แบบนี้ เราขอแนะนำให้คุณพยายามตั้งใจเลือกของที่ระลึกที่คิดว่าเหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวในแบบของตัวคุณเอง รับรองว่าความเสี่ยงที่ของที่ระลึกคุณจะไปซ้ำแบบใครจะลดน้อยลง
    3. ตรวจเช็กความเรียบร้อย
    หากคุณเลือกที่จะส่งของที่ระลึกให้คู่บ่าวสาวทางไปรษณีย์ คุณควรที่จะใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อตรวจสอบว่าขอที่ระลึกของคุณส่งไปถึงมือคู่บ่าวสาวหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องตรวจสอบ และถ้าของไม่ส่งถึงตามกำหนด คุณควรติดต่อกลับไปทันที
    4. ให้ของที่ระลึกตรงตามกำหนดการ
    โดยทั่วไปแล้วคุณจะเป็นผู้ที่รู้หมายกำหนดการงานแต่งล่วงหน้าเสมอ ดังนั้นแล้วยิ่งคุณมีเวลาเตรียมตัวหาของที่ระลึกมากเท่าไร คุณยิ่งจำเป็นที่จะต้องพิถีพิถันกับการเลือกของที่ระลึกให้มากขึ้นเท่านั้น การเตรียมหาของที่ระลึกแต่เนิ่น ๆ จะทำให้คุณมีเวลาเลือกเฟ้นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคู่บ่าวสาว ดีกว่าที่จะไปหาเอาตอนชั่วโมงเร่งด่วน
  3. เลือกซื้อของที่ระลึกที่มีความหมาย
    คงไม่มีคู่บ่าวสาวไหนต้องการของที่ระลึกที่เลิศหรู มากกว่าการได้เห็นเพื่อนและคนที่รักมาร่วมแสดงความยินดีในงาน หากอยากให้ของที่ระลึกของคุณเป็นที่จดจำของบ่าวสาว ลองมองหาของที่ระลึกแทนใจที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวคุณ จำไว้ว่าของที่ระลึกชิ้นใหญ่ไม่ได้การันตีว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป บางครั้งของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ก็เปี่ยมไปด้วยความหมายที่สื่อถึงกันระหว่างผู้ให้และผู้รับได้มากกว่า
    6. ระบุรายละเอียดให้ชัดเจน
    หากคุณส่งของที่ระลึกทางออนไลน์ เช็กให้แน่ใจว่าคุณได้เขียนรายละเอียดที่จำเป็นต่าง ๆ ในเว็บไซต์แล้วอย่างเรียบร้อย หรือถ้าของที่ระลึกของคุณเป็นเงินสดหรือเช็ค คุณอาจจำเป็นต้องหาการ์ดสวย ๆ สักใบเขียนคำอวยพรและลงชื่อแนบท้ายให้ชัดเจน
    7. ถึงตัวไม่ไปแต่ส่งของที่ระลึกไปให้
    ถึงแม้ว่าตัวคุณจะไม่สามารถไปร่วมงานแต่งได้ การส่งของที่ระลึกไปร่วมแสดงความยินดีถือเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติ เพราะเหมือนเราได้ส่งมอบคำอวยพรและความปรารถนาดีไปยังคู่บ่าวสาวได้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุข

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงตัดสินใจจะเรียนต่อต่างประเทศหรือในประเทศดี

เห็นว่าช่วงนี้น้องๆ หลายคนมีโอกาสได้ปิดเทอมนาน อาจกำลังตัดสินใจว่าจะ เรียนต่อต่างประเทศดีไหม? ขอบอกก่อนเลยว่าอยากให้เตรียมพร้อมก่อนมาเรียนกันนะคะ ^^ ก่อนตัดสินใจมาเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งเรียนภาษาและเรียนต่อปริญญาโท/เอกในต่างประเทศ ถามตัวเองหรือยังว่า…….
พร้อมที่จะดำเนินชีวิตได้ด้วยตัวเองหรือไม่? เพราะการมาเรียนต่อต่างประเทศ คุณต้องเผชิญชีวิตด้วยตัวของคุณเองในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กเท่าไรฝุ่น ไปจนถึงเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเรือไททานิค คุณต้องดูแลชีวิตตัวคุณเอง ต้องจัดการเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน ค่าใช้จ่าย วัฒนธรรมที่แตกต่างจากประเทศไทย เวลาเรียนและทำงาน ทุกๆช่วงเวลาอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิด ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ คุณต้องพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองให้ได้ โดยพยายามพึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด!
รู้หรือยังว่าตัวเองชอบอะไร??? ถ้ายังไม่รู้ อย่ามา!!! เราต้องยอมรับความจริงว่า การศึกษาในประเทศไทยยังไม่เท่าเทียมประเทศที่พัฒนาแล้ว สิ่งที่ท่านเคยเรียนมา 4 ปีในระดับปริญญาตรี อาจจบภายในคาบแรกของการมาเรียนที่ต่างประเทศ (ฟังดูเหมือนพูดเกินจริง แต่แอดมินและเพื่อนแอดมินบางคน เจอกันมาแบบนี้จริงๆ) นั่นหมายความว่าพื้นฐานของเราไม่เท่ากับนักเรียนที่มาจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว กลุ่มคนเหล่านั้นอาจจะใช้เวลาทวนแค่ไม่กี่วัน เราอาจจะต้องเตรียมตัวมากกว่าเค้าเป็นสิบเท่า
ดังนั้นถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบอยู่ บอกเลยว่าจะทำให้ชีวิตในต่างประเทศลำบากมาก และอยากกลับประเทศไทย เพราะความชอบจะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังทำ ถ้าเราไม่มีความสุข แถมต้องมาเจอกับภาษาอังกฤษ ภาระการอ่านหนังสือ พร้อมกับทำการบ้านที่สุดแสนจะหนักหน่วง และยังต้องอยู่โดดเดี่ยว นั่งคิดถึงบ้านอยู่คนเดียวแล้วหล่ะก้อ อย่ามา!!!