กว่าสาวๆทั้งหลายจะเลือกเฟ้นเสาะแสวงหาเจอเครื่องสำอางออร์แกนิคต่างๆ ได้ถูกอกถูกใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางบำรุงผิว รองพื้นและกันแดดว่า จะใช้ยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี ที่ใช้แล้วเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรให้ความสำคัญเช่นกันก็คือ การเก็บรักษาเครื่องสำอางออร์แกนิคชนิดต่างๆให้ถูกวิธี เพื่อเครื่องสำอางของเราจะได้ใช้ดีมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าสมกับอายุการใช้งานและราคาของมันด้วย เพราะหากผลิตภัณฑ์นั้นถูกเก็บรักษาในสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิสูงเกินไป ต่ำเกินไป หรือถูกแสงแดดโดยตรง ก็อาจจะทำให้เครื่องสำอางเสื่อมคุณภาพหรือเสียไปเลยก็ได้ เลยจำใจต้องทิ้งครีมเครื่องสำอางเหล่านั้นทิ้งไป เพราะถ้าฝืนใช้ต่อคงไม่คุ้มกับปัญหาหน้าพังแน่!! ดังนั้น www.nealsyardremedies.co.th จึงได้นำวิธีเก็บรักษาเครื่องสำอางออร์แกนิคย่างถูกวิธี ให้ใช้ได้นาน ๆมาฝากสาวๆทุกคนค่ะ

วิธีเก็บรักษาเครื่องสำอางออร์แกนิคอย่างถูกวิธี ให้ใช้ได้นานๆ

1.บริเวณที่เหมาะแก่การเก็บเครื่องสำอางคือ ควรเก็บไว้บริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดส่องถึงโดยตรงระหว่างวัน และมีอุณหภูมิประมาณ 25°C คือการเก็บรักษาเครื่องสำอางไว้ในที่ที่มีอากาศเย็นสบายหรือเก็บที่อุณหภูมิห้อง เก็บในที่แห้ง และแสงแดดส่องไม่ถึง

2. ไม่ใช้เครื่องสำอาง รวมทั้งสกินแคร์ร่วมกับผู้อื่น เพราะยิ่งแบ่งกันใช้ออกไปมากเท่าไหร่ โอกาสที่เครื่องสำอางนั้นจะปนเปื้อน และสัมผัสกับอากาศ ฝุ่นละออง และแบคทีเรีย ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้นด้วย
3. ควรซื้อแต่เครื่องสำอาง ที่เพิ่งผลิตและไม่กักตุนเครื่องสำอางหรือสกินแคร์โดยไม่จำเป็น ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ผลิตออกมาเป็นล็อตใหม่ ๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ผลิตออกมาภายในปีที่คุณเลือก โดยตรวจเช็คจากวันเดือนปีที่ผลิตรวมถึงวันหมดอายุของเครื่องสำอางทุกครั้งก่อนซื้อด้วย เพื่ออายุการใช้งานของมันจะได้ยาวนานขึ้น
4. ก่อนใช้เครื่องสำอาง อย่าลืมดูวันเดือนปีที่ผลิต เพื่อกะประมาณได้ว่าจะใช้หมดภายในระยะเวลาเท่าใด
5. หากเนื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีหรือกลิ่นเปลี่ยนไป อย่านำมาใช้อีก

6.หากใช้หมดแล้ว ต้องการเติมผลิตภัณฑ์ลงในขวดเติมอีกครั้ง ควรทำความสะอาดบรรจุภัณฑ์และปล่อยให้แห้งเสียก่อนจึงค่อยเติมลงไป

มีเพื่อนๆหลายคนถามมาว่ารางน้ำฝนมีความสำคัญต่อบ้านไหม?  ไม่ติดรางน้ำฝนได้ไหม? เพราะถ้าติดรางน้ำฝนจะทำให้บ้านดูไม่สวยงาม  วันนี้ www.bprungruang.com จะมาตอบคำถามเพื่อนๆทุกคนค่ะ ว่าเจ้าตัวรางน้ำฝนมีความสำคัญต่อบ้านรึป่าว

รางน้ำฝนก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านในเมืองไทยเพราะเวลาที่ฝนตกหนักๆน้ำฝนจากหลังคาที่ไม่ติดรางน้ำก็จะไหลตกลงบนพื้นด้านล่างโดยตรง ถ้าพื้นที่ส่วนนั้นเป็นสวนก็จะเสียหายด้วยแรงน้ำที่ตกลงมา ยิ่งถ้าบ้านมีความสูงมากเท่าไหร่แรงดันน้ำก็จะทำความเสียหายให้กับพื้นก็มีมากขึ้นเท่านั้น ในกรณีพื้นชั้นล่างตรงชายคาเป็นพื้นคอนกรีต น้ำฝนที่กระแทกลงบนพื้นก็จะกระเด็นเข้าบ้านสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของบ้านไม่น้อย สำหรับบ้านที่มีชายคาติดกับพื้นที่ข้างเคียงมากๆต้องระวังไม่ให้น้ำฝนจากหลังคาไหลไปรบกวนพื้นที่บ้านข้างเคียงเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังอาจเป็นชนวนให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านได้ ทางที่ดีก็ขอแนะนำว่าถ้าจะสร้างบ้านใหม่หรือมีบ้านเก่าที่ไม่ติดรางน้ำก็ควรติดรางน้ำฝนน่าจะดีกว่า

รางน้ำฝนมีหลายชนิดให้เลือกเช่น สังกะสี เหล็กกล้าชุบสังกะสี สแตนเลส และไฟเบอร์กลาส แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ในปัจจุบันมีการดีไซน์รูปแบบและสีสันให้หลากหลายขึ้นเพื่อให้รางน้ำฝนเข้ากับบ้านได้ทุกแบบตั้งแต่บ้านสไตล์หลุยส์ไปจนถึงบ้านแบบโมเดิร์น สำหรับการเลือกรางน้ำฝนให้เข้ากับบ้านต้องดูว่าบ้านของเราเป็นบ้านสไตล์ไหน โทนสีของบ้านและสีหลังคาบ้านเหมาะกับรางน้ำฝนสีอะไร หรือหากบ้านเราอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่อาจต้องการรางน้ำฝนที่มีความคงทนสามารถรับแรงกระแทรกจากกิ่งไม้ได้บ้างอาจใช้รางน้ำฝนชนิดไฟเบอร์กลาสแบบมีเส้นใยเสริมแรง

การเรียนภาษาเยอรมันให้ได้ผลดีที่สุดก็ต้องใช้ อยากได้ศัพท์เยอะ ๆ ก็ต้องอ่านมาก ๆ ฝึกเขียนบ่อย ๆ อยากแกรมมาร์เป๊ะก็ต้องขยันทำแบบฝึกหัด อยากพูดคล่องก็ต้องฝึกพูด อยากสำเนียงดีก็ต้องฟัง ไม่ว่าเรียนอะไรอยากเก่งก็ต้องฝึกฝนทั้งนั้น นอกจากว่าเป็นพวกมีพรสวรรค์ทางภาษาก็อาจจะใช้ความพยายามน้อยลงนิดหน่อย ฝึกน้อยกว่าได้ผลมากกว่า ถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่ก็ฝึกเข้าไป แต่บอกว่าไม่มีเวลาก็จบค่ะ

น้องต้องจัดตารางชีวิตให้ดีค่ะ ประเมินกำลังตัวเอง มองความเป็นจริง สิ่งที่อยากทำกับสิ่งที่ทำได้มันไม่ได้เหมือนกันเสมอไป ทำทีละอย่างให้มันดี ดีกว่ารั้นจะทำทุกอย่างพร้อมกันแล้วไม่ได้ดีสักอย่างนะคะ จะเรียนมัธยม เรียนราม เรียนภาษาเยอรมันเพิ่มเติมไปพร้อม ๆ กัน บางคนอาจทำได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ถ้าเราทำไม่ไหวก็ลองจัดระบบชีวิตใหม่ วางแผนใหม่ที่มันเป็นไปได้มากกว่านี้

ยกตัวอย่างแนวทางหนึ่งที่อาจจะลองปรับได้นะคะ เปลี่ยนไปเรียนภาษาเยอรมันวันเสาร์อาทิตย์ แบบสัปดาห์ละครั้ง เพื่อจะได้มีเวลาทบทวนเองในระหว่างสัปดาห์ให้มากขึ้น เรียนให้ช้าลง แต่เพื่อให้เข้าใจจริง และใช้สิ่งที่เรียนมาได้จริง ถ้าจะเรียนแบบถูลู่ถูกังร่อแร่ ๆ ไปอย่างนี้ ต่อไปในระดับสูงขึ้นก็จะยิ่งยากขึ้นอีก น้องบอกว่า คิดว่าเรียนวันละชั่วโมงครึ่งไม่พอ แต่น้องก็บอกว่ายังมึน ๆ งง ๆ ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง นั่นน่าจะเป็นว่าบทเรียนมันมากเกินไปที่สมองจะรับได้มากกว่าไม่พอนะคะ

ชะลอสปีดในการเรียนภาษาลง แต่เน้นพื้นฐานให้แน่นจริง ให้เข้าใจชัด ๆ ในทุกก้าวทุกบทเรียน และเอาเวลาไปตั้งใจเรียนในโรงเรียนกับเรียนราม ส่วนของการเรียนที่รามก็ควรทำให้ได้ดีด้วย ถ้าจบแบบร่อแร่จะสอบชิงทุนไหวหรือคะ จัดลำดับให้ดีว่าอะไรควรทำก่อนหลัง ตอนนี้เรียนให้จบม.6 และเรียนรามให้จบก่อน ภาษาก็เรียนควบคู่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับภาษาและมีพันฐานที่ดีพร้อมสำหรับการเรียนในระดับที่สูงขึ้นในภายหลังจะดีกว่า

หลังจากจบปริญญาตรีแล้ว หากสอบชิงทุนได้ ตอนนั้นจะมีเวลาให้เตรียมตัวและเรียนภาษาค่ะ ทุนส่วนมากเท่าที่รู้เขาก็จะให้เรียนภาษาก่อนด้วยอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเรามีพื้นฐานดีจากการที่เรียนเรื่อย ๆ ไปตั้งแต่ตอนนี้ ถึงตอนนั้นก็จะช่วยให้เรียนได้เร็ว และที่บอกว่าถึงตอนนั้น ก็คือเป็นช่วงที่ทุ่มเทเวลากับการเรียนภาษาเต็มที่ เรียนแบบ intensiv ทุกวัน ซึ่งหลักสูตรก็จะเป็นแบบเรียนครึ่งวัน ส่วนครึ่งวันที่เหลือก็ใช้สำหรับฝึกเองค่ะ ทั้งฟังพูดอ่านเขียน ถึงตอนนั้นแล้วค่อยเสาะหาช่องทางฝึกฝนเพิ่มเติมประกอบไปด้วยก็ได้ค่ะ แนะนำ  www.acknowledge-centre.com

สายรัดข้อมือ มักมีลักษณะเป็นวงที่ทำจากพลาสติก หรือกระดาษมัน ที่ใช้เพื่อรัดหรือคาดที่บริเวณแขน สายรัดเหล่านี้มักทำให้ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายประจำตัว หรือใช้เพื่อเป็นการประกาศความเชื่อหรือสนับสนุนองค์กรการกุศลต่าง ๆ

ต้นปีพ.ศ. 2548 สายรัดข้อมือซิลิโคนได้กลายเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยม ที่องค์กรการกุศลนำมาเพื่อหาเงินบริจาค สายรัด Livestrong เป็นแบบแรกที่ออกมา ผ่านทางการริเริ่มโดยแลนซ์ อาร์มสตรองนักปั่นจักรยาน จากนั้นก็ได้มีออกมาอีกหลายแบบ

ในเมืองไทยสายรัดข้อมือ เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงต้นปี พ.ศ. 2548 โดยที่ราคาของสายรัดข้อมือบางชนิดมีค่าสูงประมาณ 1 พันบาท และได้หมดความนิยมในช่วงกลางปี พ.ศ. 2548

แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมในการผลิตเพื่องาน แสดงสินค้า ของที่ระลึกสำหรับองค์กร ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีต้นทุนต่อชิ้นทึ่ถูก ซึ่งวิธีการผลิตสายรัดข้อมือ นั้นมีหลายหลายวิธี ส่วนใหญ่นั้นสายรัดข้อมือจะมีการผลิตจาก ยาง ซิลิโคน Rubber หลากหลายเกรด

วีธีการขึ้นลายบนสายรัดข้อมือนั้น ในการผลิตจำนวนมากจะใช้การทำบล็อกในการขึ้นสินค้ามีข้อดีคือความคมชัดของลวดลายบนสายรัดข้อมือ และอีกวิธีในการทำลวดลายบนสายรัดข้อมือนั้น คือ การใช้เลเซอร์ในการแกะสลักข้อความบนสายรัดข้อมือ ซึ่งสามารถทำได้ในจำนวนน้อยต่อแบบ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เพราะสามารถทำสายรัดข้อมือได้ตามความต้องการในจำนวนที่ไม่มาก อีกทั้งบางบริษัทยังสามารถ ใส่หมายเลยเลขโค๊ดเฉพาะสำหรับสายรัดข้อมือแต่ละอันได้ด้วย

Nealsyardremedies มาแนะนำผิวมันขาดน้ำให้สาวๆได้เลือกใช้กันค่ะ

สกินเเคร์ที่เหมาะกับผิวมันขาดน้ำ  คืออะไร ?  การที่ผิวผลิตน้ำมันออกมาบนใบหน้า เพราะผิวต้องการที่จะรักษาความชุ่มชื่นของผิว ใม่ให้ผิวเเห้งตึง คนผิวมันเเต่ขาดน้ำจะมีลักษณะผิวเเห้งเป็นบางจุด ผิวลอก ล้างหน้าเสร็จใหม่ๆผิวจะเเห้งตึง เเต่สักพักหน้าจะมันมาก เพราะร่างกายจึงผลิตน้ำมันออกมาช่วยนั่นเอง

สกินเเคร์ที่เหมาะกับผิวมันขาดน้ำ  คือสกินเเคร์ที่เน้นเติมน้ำ เติมความชุ่มชื่นให้ผิวในรุปเเบบที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพราะสักพักหน้าจะมัน ครีมที่หนาไปจะทำให้เหนอะหนะมาก

ลักษณะสกินแคร์ที่ควรใช้คือ  เป็นเนื้อเจล  ซึมไว แต่ให้ความชุ่มชื้น  ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่เป็นตัวทำให้น้ำใต้ผิวเราระเหยไป ไม่เหนียวเหนอะหนะ ยิ่งเป็นน้ำๆ เอสเซนต์จะยิ่งดี

เวลาเลือกสกินแคร์จะมีกฎในการเลือกประมาณนี้ค่ะ เดี๋ยวนี้หลายๆแบรนด์ก็ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดี บางเเบรนด์ใช้เเล้วก็งั้นๆ ซึมไว เเต่หน้าเเห้งบางทีก็เเพ้อีก การหาครีมมาใช้บนหน้า เเละสกินแคร์เหล่านี้คือ ชื่อก็บอกว่าเจล เเต่ยังลงท้ายด้วยครีมอีก 555555555 เอาเป็นว่ามันเป็นครีมเจล เอ๊ะ คือเป็นเจลที่มีลักษณะขาวข้นคล้ายครีม เนื้อจะเหลวๆทาง่ายเหมือนเจล เเต่ให้ความชุ่มชื้นระดับ 100 แบบครีม

1. ฮาดะ ลาโบะ HADA LABO

เป็นน้ำๆที่เวลาทาบนผิวเเล้วผิวจะเด้งดึ๋ง ยืดๆ เวลาใช้ให้ตบๆเบาๆลงใบหน้านะคะ ตัวนี้ซื้อมาใช้ตอนไม่รู้จะใช้อะไร ไม่เเพ้ฮาดะลาโบะ ไซส์เล็กซื้อมาจากเซเว่น ใช้เเก้ขัดเวลาที่ไม่อยากทา Physioigel เเต่ควาามชุ่มชื่นสู้ ฟิสสิโอเจลไม่ได้เลย ทาไปงั้นๆ หน้าก็นุ่มดีตอนทา ระยะยาวไม่เห็นผลอะไรเลย หลังๆนี่มามาทาขาทาเเขนด้วย55555555555 เเต่ก็ยังใช้เรื่อยๆ เพราะไม่เเพ้ T T

2.Flawless me – Aqua Splash aloe vera moisturizing gel

เป็นเจลที่เน้นเติมน้ำให้ผิวที่ ชอบฟิลลิ่งตอนทา เป็นเจลที่อ่อนโยน ไม่ผสมน้ำหอม เเละแอลกอฮอลล์ (เข้าทางขวันเลย) ใช้บ่อยกว่า Pysiogel อีก เพราะไม่เหนอะหนะเลย ชอบบมากกกก

3. Clinda-M

ยาเเต้มสิวอักเสบเเบบน้ำ เพราะมันซึมไว จะได้ทาครีมอย่างอื่นต่อได้ง่าย  เเละช่วยรักษาสิวอักเสบได้ทุกเเบบ เเต่หายช้า เพราะหน้าขวันอาจจะดื้อยาเเล้วก็ได้ T T

4. BENZAC 5%

แบนแซก 5%  เป็นยาละลายหัวสิวที่เวลาไปหาหมอสิวเเล้วเค้าชอบให้มา เเต่ให้มาในลักษณะขวดของร้านเองนะ รู้กันเปล่าาา  เป็นยาที่ไว้ทำให้หัวสิวเเห้ง เน้นรักษาสิวอุดตันมากกว่าสิวอักเสบ เพราะทาเเล้วจะสามารถกดสิวออกได้ง่ายขึ้น หมอจึงชอบให้ไปทามาก่อนอาทิตย์นึงต่อเนื่อง เเล้วค่อยมากดสิวนะเองง เเต่ไม่เเนะนำ 5% สำหรับทุกคนนะคะ ถึงขวันจะเเพ้ง่าย เเต่ขวันใช้2.5 ไม่ได้ผลอะ เลยใช้5 เเล้วมันโอเคกว่า ประเด็นคือเราต้องลองเอง เนื้อ water base เนื้อเลยจะลื่นมาก ทาง่าย เเต่อย่าทาบ่อยๆย้ำๆที่เดิม เพราจะทำให้ผิวลอกได้ การใช้มีหลายวิธีเช่นทาก่อนล้างหน้า เวลาผันแปรตามความหนาของหน้าเเต่ละคนเช่น 5นาที 10นาที -1 ชม

ระบบสปริงเกอร์ คือ การบีบอัดฉีดน้ำ ให้แตกเป็นสายและหมุนเหวี่ยงไปรอบ ๆ ต้นไม้ พืชผัก พืชสวน ช่วยฉีดเพื่อลดอุณหภูมิที่ร้อนนั้นให้ได้รับความเย็น ชื่นฉ่ำด้วยละอองน้ำ

รูปแบบของสปริงเกอร์ต่างกันออกไปตามการใช้งานซึ่งสามารถจำแนกหลัก ๆ ได้ดังนี้

สปริงเกอร์แบบน้ำหยด เป็นสปริงเกอร์ ที่มีอัตราจ่ายน้ำน้อยมากประมาณ 1-20 ลิตร/ชม. จ่ายน้ำออกมาในลักษณะเป็นหยดหรือถ้าอัตราการจ่ายน้ำสูง ก็จะไหลเป็นสายน้ำ มีการอุดตันได้ง่าย พืชที่เหมาะแก่การใช้หัวจ่ายแบบน้ำหยด ได้แก่ การปลูกพืชระยะสั้น พืชผัก ไม้ดอก ไม้กระถาง เป็นต้น

สปริงเกอร์แบบหัวพ่นฝอย เป็นสปริงเกอร์ ที่พ่นกระจายน้ำแบบเป็นละอองขนาดเล็กหรือเป็นเส้นมีรัศมีการกระจายน้ำใกล้ ๆ ระยะประมาณไม่เกิน 1.5 เมตร เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการรัศมีการพ่นน้อย เช่น แปลงผักต้นไม้ หรือพุ่มไม้เล็ก ๆ ตามสวนในบ้าน ไม้ผลไม้ยืนต้นที่ทรงพุ่มไม้ไม้ใหญ่ เป็นต้น

แบบหัวมินิสปริงเกอร์ เหมาะสำหรับสวนขนาดใหญ่เนื่องจากมีการกระจายน้ำให้เลือกหลากหลายครอบคลุมการใช้งาน หัวจ่ายน้ำแบบมีนิสปริงเกอร์ปกติ จะใช้งานที่แรงดันประมาณ 15-20 เมตร สปริงเกอร์ มีอัตราการจ่ายน้ำที่หลากหลายขนาด การเลือกอัตราจ่ายน้ำน้อย ๆ มีข้อดีที่ใช้ขนาดท่อส่งน้ำ และเครื่องสูบน้ำเล็กได้ แต่มีข้อเสียที่ใช้เวลาการให้น้ำนาน มีอัตราการจ่ายน้ำสูง และนอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาอุดตันที่รูฉีดได้ง่าย เนื่องจากรูฉีดมีขนาดเล็ก

คลังสินค้าหรือโกดังให้เช่า มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการกระจายสินค้าหรือบริการของสินค้าต่างที่ต้องใช้บริเวณพื้นที่ในการเก็บรักษา  วันนี้  warehousebkk.com  จะพาคุณมารู้จักกับบทบาทหน้าที่ของคลังสินค้าหรือโกดังให้เช่า ซึ่งมีดังนี้

1. การรับสินค้า (Receiving) เป็นการตรวจสอบจำนวน คุณลักษณะ แยกแยะ จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ ระบบการตรวจสอบ และตรวจนับความถูกต้องที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ จำนวน สภาพ และคุณภาพ โดยคลังสินค้าทุกประเภทจะทำหน้าที่ในฐานะผู้ทรงสิทธิในความเป็นเจ้าของสินค้าชั่วคราว ซึ่งหมายถึง ความรับผิดชอบที่จะมีต่อตัวสินค้า
2. การควบคุมและรับผิดชอบต่อสินค้าที่จัดเก็บอยู่ในคลัง (Storage & Responsibility) ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการทั้งการใช้เทคนิค เทคโนโลยีในการเก็บเพื่อควบคุมคุณภาพของสินค้า รวมถึงการจัดเตรียมเครื่องมือ และเครื่องทุ่นแรงประเภทต่างๆ เช่น รถยก ชั้นหรือหิ้ง เป็นต้น สำหรับวางสินค้า การควบคุมบรรยากาศ อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อมในคลังให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท รวมถึงมีการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Automated Robot System ระบบ Bar Code หรือ RFID และระบบการสื่อสารอิเล็กโทรนิกส์ ซึ่งกิจกรรมในการควบคุมสินค้านี้จะเกี่ยวข้องกับการคัดแยกสินค้า การบรรจุ การแบ่งบรรจุ การคัดเลือก การติดป้าย และที่สำคัญหัวใจของคลังสินค้า คือ การควบคุมทางด้านเอกสาร ทั้งที่เกี่ยวกับรายการการเคลื่อนไหว การรับและการเบิกจ่าย ที่เรียกว่าการควบคุมทางบัญชี
3. การส่งมอบและแจกจ่ายสินค้า (Send & Distribution) เป็นการส่งมอบสินค้าให้กับฝ่ายผลิตหรือลูกค้า หรือผู้มาเบิกตามคำสั่งของผู้ฝากสินค้า ซึ่งจะต้องส่งมอบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้รับทั้ง จำนวน สภาพ สถานที่และเวลา โดยมีกระบวนการคัดเลือกสินค้าและระบบการจัดส่งให้กับลูกค้าด้วย หน้าที่นี้ทำในคลังสินค้า สามารถแยกออกตามลักษณะของภารกิจ ได้แก่ คลังสินค้าเพื่อการจัดเก็บ คลังสินค้าสำหรับจำหน่าย ศูนย์ขนส่งสินค้า คลังสินค้าทัณฑ์บน ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า
4. ความรับผิดชอบทางกฎหมายในการชดใช้ความเสียหาย (Liability Responsibility) หน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหาย อันเกิดจากการกะทำใด ๆ ทำให้ผู้ฝากสินค้าหรือเจ้าของสินค้าเสียหาย ทั้งจากการเสียหายโดยตรง จากการเก็บรักษา การสูญหาย การเสื่อมสภาพ หรือเสื่อมราคา ซึ่งเกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้รับฝากสินค้า ความรับผิดชอบนี้ครอบคลุมถึงผู้รับผิดชอบดูแลคลังสินค้าในฐานะนายคลัง และผู้ให้บริการภายนอก

ลําดับที่ถูกต้องของการทานซูชิ ในการเริ่มทานซูชิจากสีขาวจบด้วยซูชิรสชาติเข้ม คือ ต้องเริ่มจากการทานรสชาติที่จืดไปยังรสชาติที่เข้มขึ้น ต่อๆไปอย่างนี้ ถ้าทานกลับกัน อย่างไปทานที่มีรสชาติเข้มไปก่อนแล้วก็จะไม่สามารถรู้รสของพวกปลาที่มีเนื้อสีขาวรสชาติจืดได้เลย ดังนั้นควรจะเริ่มทานปลาที่มีเนื้อสีขาวก่อน ต่อไปเป็นปลาเนื้อสีแดงที่มีรสชาติเข้มขึ้นมานิด สั่งมาทานได้เลยทั้งปลาทูน่า โทะโระ

วิธีทานที่จะทําให้ถูกต้องอีกอย่างหนึ่งคือทําตามขั้นตอนที่ได้บอกไป แต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบกินปลาเนื้อสีขาว ไม่เป็นไรอันนี้เราก็ไม่บังคับให้ทําตามขนาดนั้น ถ้าทานแบบที่อยากทานตามลําดับความชอบแล้วก็ไม่เป็นไร แต่รสชาติที่ทานไปก่อนหน้านั้นยังคงเหลืออยู่ปลายลิ้นและการรับรสชาติแท้อาจจะเพี้ยนไปอย่างแน่นอนที่เดียว กรณีนี้ ก่อนที่จะทานอย่างอื่นต่อ ให้ทานขิงดองหรือชา เพราะจะทําให้ลิ้นพร้อมที่จะรับรสชาติใหม่

อาหารญี่ปุ่นประเภทซูชิจึงเป็นที่น่ารับประทานในหมู่คนชื่นชอบปลาดิบเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าอยากลองทานขอให้ลองที่นี้ก่อนเลยนะ genyfood คงจะเด็ดและเป็นราคาที่ย่อมเยามากเลยละ

หลายท่านเคยได้ยินคำว่าท่อเหล็กอาบสังกะสี หรือท่อประปากันแล้วใช่ไหม คราวนี้บางท่านก็คงเคยได้ยินอีกว่า “มีแบบ BS-M นะ” แล้วคราวนี้ก็จะเกิดปัญหาแล้วล่ะว่า BS-M คืออะไร แล้วนอกจาก BS-M มันจะมีอย่างอื่นอีกไหม ?

เรามาทำความเข้าใจกันก่อน ท่อเหล็กอาบสังกะสี ก็คือ ท่อเหล็กดำธรรมดาทั่วไปนี่แหละ แต่เรานำมาชุบสังกะสีเพื่อให้มันมีความคงทนต่อการกัดกร่อนของสนิม เป็นสนิมได้ยากขึ้น โดยส่วนประกอบของบ่อสังกะสีก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงานว่าใส่สารประกอบอะไรลงไปบ้าง โดยทั่วไปทางโรงงานจะผลิตท่อเหล็กอาบสังกะสีมาที่ความยาวมาตรฐาน คือ 6 เมตร และทำเกลียวให้ (บางท่านก็เรียกท่อชนิดนี้ว่าท่อประปา) โดยท่อเหล็กอาบสังกะสีนี้ จะแบ่งความหนาออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. ท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-S ท่อประปาคาดเหลือง มีความทนทานระดับต่ำ
2. ท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-M ท่อประปาคาดน้ำเงิน มีความทนทานระดับกลาง
3. ท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-H ท่อประปาคาดแดง มีความทนทานระดับสูง

โดยที่เราแยกได้ว่าท่อเหล็กอาบสังกะสีแต่ละชนิด ชนิดไหนมีความทนทานระดับต่ำ กลาง สูง เราก็ดูตามความหนา โดยที่ ท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-H ก็จะมีความหนามากที่สุดในระดับ Size เดียวกัน ตามมาด้วยท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-M และท่อเหล็กอาบสังกะสี BS-S ตามลำดับ หากท่านต้องการนำไปใช้กับงานที่ต้องทนต่อแรงดันมาก ก็ควรจะระบุไปเลยว่า ขอแบบหนา หรือ BS-H เพื่อความเหมาะสมกับงานของท่าน ส่วนอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้กับท่อเหล็กอาบสังกะสีพวกนี้ ก็จะผลิตโดยทำเกลียวไว้ให้อยู่แล้ว โดยเกลียวของงานประปาแบบนี้ จะเรียกกันว่า เกลียว BSP

วันนี้ win888 จะพาคุณมาทำความรู้จักกับหญ้าเทียมที่คุณก็สามารถเลือกซื้อมาจัดสวนเองได้ง่ายๆค่ะ

หญ้าเทียม ทำจากพลาสติกโพลีเอทิลีน หรือโพลีโพรไพลีนซึ่งมีความปลอดภัยสูงผสมสาร UV Stabilizer ทนแสงแดด และการใช้งานภายนอกได้ดี Polyethylene (PE) นำมาทอยึดติดกับ แผ่นรอง (Backing) ซึ่งจะทำให้หญ้าติดกับแผ่นรองอย่างแน่นสนิท และมีรูระบายน้ำอยู่ด้านหลัง โดยความสูงของใบหญ้าและลักษณะเฉพาะตัวโดยทั่วไป จะขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ในงานนั้นๆ หญ้าเทียมต้องการการดูแล แต่น้อยกว่าการดูแลรักษาหญ้าจริง และหญ้าเทียมยังมีสารป้องกันสีซีดจางจากแสงยูวี (UV resistant) โดยช่วยป้องกันแสงแดดซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้สีซีดจางก่อนเวลาอันควร

การเลือกซื้อหญ้าเทียมนั้นควรเลือกหญ้าเทียมที่มีลักษณะดูแล้วเหมือนสนามหญ้า เห็นเส้นหญ้าชัดเจน สีสวย ทอแน่น ท่านสามารถเลือกซื้อหญ้าในเกรดกลางนี้ได้ เหมาะสำหรับการติดตั้งถาวร อายุการใช้งาน 5-8 ปีขึ้นไป มีคุณลักษณะของเส้นหญ้าที่ทำเลียนแบบธรรมชาติ คือหญ้ายาว สลับหญ้าสั้น และมี เส้นใยที่หยักงอบริเวณโคนต้นหญ้า ทำให้เกิดความสวยงาม และช่วยให้เส้นหญ้าตั้งชันมากขึ้น ไม่เรียบแบน หญ้าเทียมประเภทนี้เป็นที่นิยมสำหรับการติดตั้งรอบบริเวณบ้าน ใช้ปูพื้นแทนหญ้าจริงได้ ให้สีสวยเหมือนธรรมชาติ ความสูงและความหนาแน่นของหญ้าเทียมขึ้นอยู่กับลูกค้าเลือก โดยทั่วไป ความสูงอยู่ที่ประมาณ 20-40 มิลลิเมตร

1. ระมัดระวังข้อควรระวังหรือคำเตือนบนฉลาก

– เครื่องสำอางบางชนิดจะต้องแสดงคำเตือนที่ฉลากด้วย แสดงว่าต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ดังนั้น ควรศึกษาคำเตือน ให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

– เครื่องสำอางบาง ประเภทมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย หากผู้บริโภคใช้ไม่ถูกวิธี กฎหมายจึงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่าเครื่องสำอางทั่วไปคือ จัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ และเครื่องสำอางควบคุม โดยจะต้องมีข้อความแสดงประเภท ของเครื่องสำอางที่ฉลากอย่างชัดเจน ผู้บริโภคควรใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

2. ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางก่อนตัดสินใจซื้อ มีเครื่องสำอางหลายประเภทที่แม้จะเป็นยี่ห้อดียี่ห้อดัง มีตรารับรองมาตรฐาน ก็อาจไม่ถูกกับผิวของคุณได้ เพราะผิวของแต่ละคนก็แพ้เครื่องสำอางแตกต่างกัน ดังนั้น คุณจึงควรทดสอบก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากการดูที่ส่วนผสมแล้ว คุณควรทดสอบการแพ้เครื่องสำอางด้วยตัวเองด้วยวิธีง่ายๆและเป็นวิธีที่ถูกต้องคือ ให้นำเครื่องสำอางที่ต้องการจะซื้อ มาป้าย ฉีด ยา หรือทา ลงบริเวณผิวเนื้ออ่อนๆ อย่างหลังใบหูหรือท้องแขน อย่างน้อยที่สุดจะต้องใช้เวลา 20 – 30 นาที ถ้าหากเกิดอาการแพ้ ผิวหนังบริเวณนั้นจะมีปฏิกิริยา เช่น เกิดรอยแดง ผื่น หรือรู้สึกระคายเคือง ดังนั้น หากจะเทสต์จริงๆ ไปขอเทสต์ก่อน (เพื่อทิ้งระยะให้สารเคมีทำปฏิกิริยาสักนิด) จากนั้นไปเดินดูของอื่นๆ จนจะกลับ หากผิวไม่แพ้จึงค่อยกลับไปซื้อค่ะ
3. ซื้อเครื่องสำอางจากแหล่งขายที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นที่เคาน์เตอร์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าต่างๆ รวมถึงตลาดนัด ในปัจจุบันเรายังพบช่องทางการขายเครื่องสำอางออนไลน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม ในความหลากหลายของแหล่งซื้อขายนี้ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี คุณก็ควรพิจารณาแหล่งซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือ มีสถานที่ตั้งและช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน มีบริการที่ดีทั้งในระหว่างการขายและหลังการขาย และแน่นอนว่าต้องขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ และเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นั้นๆ อย่างถูกต้อง ซึ่งวิธีพิจารณาต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราห่างไกลจากโอกาสเสี่ยงที่เราจะเจอผลิตภัณฑ์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน เกิดการแพ้ และไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ขายได้

Pressure Safety Value (วาล์วนิรภัย) หรือ Pressure Relief Valve (วาล์วระบายแรงดัน) เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยของระบบ มีหน้าที่หลักคือระบายแรงดันภายในระบบออก ซึ่งจะทำงานเองโดยอัตโนมัติเมื่อมีแรงดันเกินกว่าค่าที่ตั้งไว้ วาล์วทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันด้านการใช้งาน กล่าวคือ Pressure Safety Value จะใช้กับของเหลวที่บีบอัดได้ (Compressible Fluid) เช่น ไอน้ำ หรือก๊าซ ซึ่งต้องการระบายความดันอย่างรวดเร็ว สำหรับ Pressure Relief Valve จะใช้กับของเหลาวที่บีบอัดไม่ได้ (Non Compressible Fluid) เช่น น้ำ หรือน้ำมัน ซึ่งจะระบายความดันอย่างช้าๆ โดยวาล์วทั้งสองชนิดมีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกันได้แก่

1. Valve Body ส่วนใหญ่ผลิตจากเหล็กหล่อ หรือวัสดุอื่นตามการใช้งาน โดยเป็นโครงสร้างที่ใช้ติดตั้งกับท่อหรือถังความดันที่จะทำการปกป้อง
2. Disc ลักษณะเป็นแผ่นกลมที่ใช้กดปิดกั้นของเหลวไว้ โดยอาศัยแรงกดจากสปริง โดย Disc นี้จะทำหน้าที่รับแรงดันไว้ทั้งหมด
3. Stem เป็นส่วนที่รับแรงกดจากสปริงและส่งแรงกดไปยัง Disc โดยมีหน้าที่เป็นแกนบังคับให้ส่วนที่เคลื่อนไหวเคลื่อนที่ตามแนวแกน Stem
4. สปริง เป็นส่วนที่ก่อให้เกิดแรงดันต้านทานความดันที่ Disc การปรับ Adjust Screw ให้สปริงยืดหดตัวแตกต่างกันส่งผลให้แรงกดที่ Disc มีค่าแตกต่างกัน จึงเป็นหลักการสำคัญที่ใช้กำหนดค่าความดันที่จะให้วาล์วทำการระบาย (Set Pressure)
5. Adjust Screw ใช้ปรับระยะยืดหดของสปริง จุดนี้เองที่ใช้ทำการปรับตั้งค่าความดัน

ในปัจจุบัน ไม้ระแนง เป็นที่นิยมนำมาตกแต่งสวนภายในบ้านมากขึ้น เพราะสามารถเข้ากันได้ดี กับไม้แปรรูป และพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่อยู่ภายในสวนของบ้าน หรือที่อยู่อาศัยนั้นๆ ให้ความรู้สึกไม่แข็งกระด้าง กลมกลืนไปกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี การออกแบบไม้ระแนงสำหรับการทำเรือนไม้ประดับหรือซุ้มไม้ระแนงที่ใช้สำหรับแขวนไม้ดอกไม้ประดับ ช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่น สบายตา อีกทั้งราคาไม้ระแนงยังมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ข้อดีของไม้ระแนง คือ มีลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ระแนงไม้เป็นกันสาดกันแดด หรือใช้เป็นหลังคาโครงไม้สวยๆเพื่อกันฝน โดยการนำวัสดุชนิดต่างๆไปมุงเช่น แผ่นโพลีคาร์บอเนต แผ่นดีไลท์  สำหรับคนที่ต้องการความโปร่งแสง  หรือแม้แต่วัสดุทึบแสงต่างๆ เช่นแผ่นไม้เชอรร่า หลังคาจิ้งเกิ้ลรูฟ เป็นต้น

มีความคงทน แข็งแรง ไม่ผุกร่อนง่าย สามารถนำไปสร้างสรรค์งานได้โดยไม่ซ้ำแบบ มีเอกลักษณ์เพิ่มขึ้นให้กับสวนของคุณ ส่วนวิธีการเลือกซื้อไม้ระแนงนั้น ควรพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสียต่างๆ ของไม้ระแนง ศึกษาข้อมูลการใช้งานไม้ระแนงอย่างถ้วนถี่ หรือรับคำแนะนำจากร้านขายไม้ระแนง หรือบริษัทขายไม้ระแนงทั่วไป เพื่อสามารถเลือกไม้ระแนงได้อย่างเหมาะสมกับบ้านของคุณได้ และไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง